ปลดล็อกการเมืองไทย ดันดัชนีตลาดหุ้นพุ่งบวก 27.7 จุด

05 ก.ย. 2567 | 04:40 น.
อัพเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2567 | 04:40 น.

การฟอร์มทีมรัฐบาลชุดใหม่ที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หนุนความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว เปิดตลาดภาคเช้าบวกกว่า 27.70 จุด ยืนเหนือระดับ 1,393.19 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 5 ก.ย.2567 เปิดตลาดซื้อขายภาคเช้า ณ เวลา 11.32 น. อยู่ที่ระดับ 1,393.19 จุด เพิ่มขึ้น 27.70 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 2.03% ซึ่งในช่วงระหว่างนี้ดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,395.07 จุด ก่อนที่จะย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,371.49 จุด มีมุลค่าซื้อขายอยู่ที่ 32,789.71 ล้านบาท

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ 5 ก.ย.2567 เพราะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากทั้งปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดมองว่าหากสหรัฐฯมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแรง กลุ่มที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือเอเชีย

ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดว่าน่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกใหญ่มากกว่า หลังจากที่การฟอร์มทีมรัฐบาลชุดใหม่ที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งครม.ชุดใหม่ ทำให้กระบวนการการถวายสัตย์ปฏิญาณ และแถลงนโยบาย เห็นความชัดเจนมากขึ้น

ทำให้เปิดตลาดภาคเช้าในวันนี้จะเห็นได้ว่ามีเม็ดเงินจากปัจจัยความชัดเจนทางการเมืองใส่เข้ามายังตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ชะลอตัวไปในสัปดาห์หก่อน โดยมีสัญญาณเข้ามาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานก่อน (4 ก.ย.67) โดยจะสังเกตเห็นได้ว่ากลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากนโยบายการแจกเงินของรัฐบาลชุดใหม่กลับมายืนแดนบวกแล้ว 

หลังจากนี้คาดหวังว่าเม็ดเงินหนุนจากการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ จะเข้ามาเป็นแรงส่งให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปี 2567 กลับมายืนที่เหนือระดับ 1,450 จุดได้ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ ด้วยปัจจัยเชิงบวกที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ในรอบ 1-2 สัปดาห์ ตลาดหุ้นไทยถือว่าให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก หลายสถาบันเริ่มมีการปรับอัพเกรดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำลงทุนในกลุ่มที่ได้รับปัจจัยเชิงบวกจากนโยบายรัฐบาล เช่น กองทุน Thai ESG และ กองทุนวายุภักษ์ จะเข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ BBL SCB KBANK KTB กลุ่มหุ้น Last cap ที่ถูกบดมาในช่วงก่อนหน้า มองว่าเป็นจังหว่ะที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นอีกครั้ง ได้แก่ CPALL CPAXT CENTEL HMPRO AOT เป็นต้น และกลุ่มสื่อสาร ADVANC INTUCH GULF 

ในระยะสั้นมองว่ามีโอกาสที่จะเห็นการดีดตัวของดัชนีขึ้นไปอยู่ที่ระดับเหนือ 1,390 จุด ได้ และเป้าหมายแนวต้านถัดไป 1,400 จุด ไม่ใช่เรื่องยาก โดยแนวรับในรอบนี้คาดอยู่ที่ระดับ 1,365 จุด

สำหรับกระแสเงินลงทุนต่างชาตินั้น ในระยะสั้นอาจไม่ได้เห็นการกลับมาของ Fund flow อย่างมีนัยสำคัญ เพราะการกลับมาคงต้องขึ้นอยู่กับว่าผลตอบแทนที่ต่างประเทศจะได้รับมีมากขึ้นมากน้อยแค่ไหน และการอัพเกรดตลาดหุ้นไทยจะจูงใจได้เพิ่มแค่ไหน ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องรอดูต่อไป