ตลาดหุ้นไทยปิดแดนบวก 1,452.20 จุด ต่างชาติทิ้งหุ้นไทยต่อ 5 วันติด

07 ต.ค. 2567 | 10:40 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ต.ค. 2567 | 11:50 น.

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 7 ต.ค.67 ปิดตลาดที่ระดับ 1,452.20 จุด เพิ่มขึ้น 7.95 จุด มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 4.93 หมื่นล้าน พบสถาบัน เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีสถานะซื้อสุทธิที่ 1.96 พันล้าน โบรกมองสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มดี มองกรอบ 1430-1470 จุด

ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ 7 ต.ค.67 ปิดตลาดที่ระดับ 1,452.20 จุด เพิ่มขึ้น 7.95 จุด เปลี่ยนแปลง 0.55% ในช่วงระหว่างวันดัชนีดีดตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,453.70 จุด และย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,443.56 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 49,390.10 ล้านบาท

สรุปมูลค่าการซื้อขายตามประเภทนักลงทุนในวันนี้ พบว่า กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนต่างประเทศ และนักลงทุนในประเทศ มีสถานะขายสุทธิรวม 1,965.91 ล้านบาท แบ่งเป็น 246.38 ล้านบาท, 1,136.55 ล้านบาท และ 555.98 ล้านบาทตามลำดับ

ในขณะที่สถาบัน เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่มีสถานะซื้อสุทธิที่ 1,965.91 ล้านบาท อย่างไรก็ดี จากการขายออกอย่างต่อเนื่องของต่างชาติในวันนี้ ทำให้นับว่าเป็นการขายออก 5 วันทำการติดต่อกัน

5 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด

  • PTTEP ราคา 136.00 บาท ลดลง 0.50 บาท เปลี่ยนแปลง 0.37% มูลค่าซื้อขาย 2,489.95 ล้านบาท
  • CPALL ราคา 65.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท เปลี่ยนแปลง 1.56% มูลค่าซื้อขาย 1,884.37 ล้านบาท
  • OKJ ราคา 12.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท เปลี่ยนแปลง 4.03% มูลค่าซื้อขาย 1,803.34 ล้านบาท
  • INTUCH ราคา 99.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท เปลี่ยนแปลง 2.31% มูลค่าซื้อขาย 1,715.00 ล้านบาท
  • BDMS ราคา 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท เปลี่ยนแปลง 0.85% มูลค่าซื้อขาย 1,584.99 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (7-11 ต.ค.67) มีแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน (30 ก.ย. - 4 ต.ค.67) แม้ว่ายังมีโอกาสเห็นการขายทำกำไรของต่างชาติอยู่ แต่คาดว่าจะมีเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์เข้ามาหนุนตลาดฯ ทำให้สามารถยืนพื้นในโซนนี้ได้ดีขึ้น

สังเกตได้ว่าการไหลออกของนักลงทุนต่างชาติถูกดึงไปยังตลาดจีนและฮ่องกงเป็นหลัก ด้วยแรงจูงใจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็ง แต่อย่างไรก็ดี หากเทียบแนวโน้มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้วนั้น ตลาดในฝั่งอาเซียนยังคงมีความน่าสนใจมากกว่า คาดการณ์ว่าสัปดาห์หน้า (14-18 ต.ค.67) จะเห็นการกลับมาของฟันด์โฟลว์อีกครั้ง
 

ทั้งนี้ จากการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของไทย เดือน ก.ย.67 ที่ออกมา ไม่ได้แย่และอยู่ในระดับกลางๆ ที่ระดับ 0.61% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน สะท้อนต่อภาพของเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นแบบอ่อนๆ โดยรวมแล้วมองว่ายังไม่มีปัจจัยเชิงลบที่มีน้ำหนักพอที่จะเข้ามากดดันตลาดในระยะสั้นนี้

ขณะที่ราคาน้ำมันในสัปดาห์ก่อนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาราว 8-9% นั้น ถามว่าจะทะยานขึ้นได้อีกหรือไม่ ก็ต้องบอกได้เลยว่ายังมีความไม่แน่นอน คงต้องรอดูเรื่องของความขัดแย้ง และความรุนแรงของสงครามตะวันออกกลาง ว่าจะทวีคูณ หรือเบาบางลง

โดยประเมินกรอบดัชนีแนวรับไว้ที่ระดับ 1,430 จุด และแนวต้านที่ 1,470 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะนำสะสมหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว เช่น กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ สะสม BCH ราคาเป้าหมาย 23.90 บาท แม้มีประเด็นเรื่องประกันสังคม แต่คาดว่าภายในเดือนนี้น่าจะได้เห็นข้อสรุปที่ชัดเจน

หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะอิงกลุ่มรากหญ้ามีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น มีโอกาสที่จะซื้อเชื่อมือถือใหม่ แนะนำ SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท ที่มีการปล่อยสินเชื่อมือถือแบรนด์จีน เจาะกลุ่มรากหญ้า อีกทั้งแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/67 คาดว่าจะโตดีกว่าทั้งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และไตรมาสก่อน ซึ่งกำไรอาจสูงเท่ากับเอาไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้มารวมกัน

และกลุ่มที่รับอานิสงส์การฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ แนะนำ CPALL ราคาเป้าหมาย 78.00 บาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการมาของกองทุนวายุภักษ์ร่วมด้วย เพราะนับว่าเป็นอีกหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความน่าสนใจ และให้ผลตอบแทนที่ดี รวมถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานดีต่อเนื่อง