นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 67 นี้ บริษัทประเมินว่ายังมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ทำให้ภาพรวมความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ทั้งในและต่างประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยราคาก๊าซ LPG ในช่วงที่เหลือของปี 67นี้ มองว่ายังคงปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก ซึ่งจากการที่บริษัทมีจุดกระจายสินค้าภาคครัวเรือนที่ครอบคลุมถึง 170 แห่งทั่วประเทศ ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น
ดังนั้น บริษัทจึงมีความมั่นใจว่ายอดขายปี 67 นี้ จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 820,000 ตัน แบ่งออกเป็นยอดขายภายในประเทศ จำนวน 790,000 ตัน และส่งออก จำนวน 30,000 ตัน ส่วนรายได้รวมทั้งนี้ปีคาดว่าจะแตะที่ระดับ 18,250 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำไว้ที่ระดับ 18,183.97 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมที่อยู่ในเมกะเทรนด์การเติบโตในอนาคต เช่น โครงการพลังงานลม, EV และ Battery Storage และอื่นๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารูปแบบการลงทุนที่มีความเป็นไปได้ทั้งการลงทุนเอง และร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ สอดรับเมกะเทรนด์รักษ์โลก ตอบโจทย์ ESG หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 67) บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 37.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.91 ล้านบาท คิดเป็น 51.95 % จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24.85 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 4,847.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.80 ล้านบาท คิดเป็น 7.63 % จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,503.31 ล้านบาท
และมี EBITDA อยู่ที่ 161.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.34 % เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 148.90 ล้านบาท
ขณะผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 บริษัทมีรายได้รวม 14,243.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 839.05 ล้านบาท หรือ 6.26 % จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีรายได้รวม 13,404.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 107.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.28 ล้านบาท หรือ 17.92% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 90.81 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มาจากการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น รวมถึงยอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมและครัวเรือน ทำให้รายได้จากการขายและบริการปรับเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
โดยปริมาณการจำหน่ายรวมของก๊าซ LPG ในประเทศเพิ่มขึ้นจากจำนวน 190,854 ตัน เป็น 202,974 ตัน คิดเป็น 6.35 % หรือเพิ่มขึ้น 12,120 ตัน และปริมาณการขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากจำนวน 7,572 ตัน เป็น 10,766 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 42.18 %