กูรูมอง JAS ทุ่ม 1.9 หมื่นล้าน คว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ได้คุ้มเสีย?

12 พ.ย. 2567 | 08:53 น.
อัปเดตล่าสุด :12 พ.ย. 2567 | 08:53 น.

กระแสข่าว JAS คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มูลค่ากว่า 1.91 หมื่นล้าน โบรกมองแหล่งเงินทุนรอบนี้พร้อมจ่าย แต่การเข็นคอนเทนต์ให้ทำกำไรหนทางนี้อาจเหนื่อย ชี้มีความเป็นไปได้เปิดรับพันธมิตรแชร์ลิขสิทธิ์ กระจายความเสี่ยง

จากการณีที่ทาง บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ประกาศได้รับสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ผ่านช่องทาง Internet TV และ Digital TV รวมถึงชุดวิดีโอสั้น (Clips package) ครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทย ลาว และกัมพูชา

โดยคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 19,167.72 ล้านบาท ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีการสอบถามถึงมุมมองของนักวิเคราะห์ นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) ต่อประเด็นดังกล่าว โดยเผยว่า การลงทุนในสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ของ JAS ก็มีความเป็นไปได้

เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องวางหลักทรัพย์ในการค้ำประกันที่ค่อนข้างสูง ในส่วนแหล่งเงินทุนที่จะใช้รองรับในการคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพของ JAS ในครั้งนี้ ประเมินว่าจะมาจากเงินที่ได้รับหลังจากการขายหุ้น บริษัท ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) TTTBB และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน JASIF รวมถึงแหล่งเงินกู้ยืม

เมื่อเทียบกับรอยแผลในอดีตจากกรณีที่ JAS นำโดย "พิชญ์ โพธารามิก" เข้าไปร่วมประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz จนดันราคาขึ้นไปถึง 75,654 ล้านบาท แต่ผลสุดท้ายกลับไม่มีเงินจ่าย จนต้องยอมให้ยึดเงินค้ำประกัน และให้ AIS มารับช่วงต่อที่ราคานี้ในปีถัดมา มองว่าการลงทุนในครั้งนี้มูลค่าไม่สูงเหมือนครั้งก่อน

โดยความสามารถในการชำระเงินมัดจำล่วงหน้า รวมถึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ มูลค่ากว่า 559.98 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 19,167 ล้านบาท ยังคงมีหนทาง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ โมเดลในการบริหารจัดการหลังจากที่ได้รับสิทธิ์มาแล้วจะเป็นไปในทิศทางอย่างไรต่อไป

แม้ว่ามูลค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ในครั้งนี้จะไม่ได้สูงไปกว่าเมื่อเทียบกับในอดีตเกือบ 10 ปีก่อนเท่าไหร่นัก แต่ด้วยสิทธิ์ที่จะได้รับรับสิทธิ์ถ่ายทอดสดยาวถึง 5-6 ฤดูกาล หรือเฉลี่ยราว 3.2-3.8 พันล้านบาท/ฤดูกาล ก็นับว่ายังเป็นมูลค่าการลงทุนที่สูง แต่จะทำอย่างไรให้คุ้มค่ากับการลงทุน รวมถึงต้องสร้างผลกำไรในระดับที่ดีได้

เพราะหากไปดูในรายละเอียดผลการดำเนินงานของ TRUE รายได้ของทรูวิชั่นส์ (TrueVisions) จากการถ่ายทอดสดฟุตบอลก็ไม่ได้มากมายนัก แต่ข้อดี คือ TrueVisions ยังมีคอนเทนต์อื่นๆ ที่มีความหลายหลาย ตั้งแต่เอ็นเตอร์เทนต์เมนต์ ซีรีย์ ภาพยนต์ต่างประเทศ สาระคดี การ์ตูน และกีฬาประเภทอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยสร้างรายได้เพิ่ม

เปรียบเทียบกับช่อง MONO ที่ก็มีคอนเทนต์ที่ใกล้เคียงกัน แต่จะทำอย่างไรให้การถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ เป็นที่สนใจ สร้างรายได้และกำไรให้ได้ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะใช้กลยุทธ์เดียวกัน คือ การขายกล่องติดตั้งแยกเพิ่มเติมให้กับสมาชิก การสมัครสมาชิกรายเดือน

หรือก็อาจมีความเป็นไปได้ที่ทาง JAS อาจมีการขายลิชสิทธิ์แชร์ให้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ เช่น AIS Play หรือแม้กระทั่ง TrueVisions ด้วยก็ได้ เพื่อเป็นอีกแรงหนึ่งที่เข้ามาช่วยลดภาระ "ความเหน็ดเหนื่อย" จากการบริหารจัดการคอนเทนต์ดังกล่าว แต่ต้องเสี่ยงต่อการต่อรองราคา ต้องยอมรับว่าไพ่ในมือที่มีอาจถูกกดราคาลง

"มองว่าการลงทุนในลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ของ JAS ก็ยังมีความเหน็ดเหนื่อยอยู่มากในหนทางข้างหน้า แม้ราคาจ่ายอาจไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับในอดัตเมื่อเกือบ 10 ปีก่อนนัก แต่ก็บริหารจัดการอย่างไรให้มีกำไรเป็นเรื่องยาก จากนี้ไปคงต้องรอดูโมเดลการบริหารจัดการว่าจะเอายังไงต่อไป เงิน 1.9 หมื่นล้านก็นับว่าไม่น้อย ซึ่งก็ต้องชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบว่าหากเอาไปต่อยอดลงทุนด้านอื่นจะคุ้มค่ากว่าไหม"

อย่างไรก็ตาม "ฐานเศรษฐกิจ" ได้ตรวจสอบเอกสารที่ JAS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุถึงธุรกิจที่ได้มามีลักษณะของธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือเสริมกันและกันกับธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ว่า ในปัจจุบัน บริษัทย่อยของบริษัทประกอบธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี (Internet TV Business) ได้แก่

  1. บริษัท แจส ทีวี จำกัด (เดิมคือ บริษัท ทรี บีบี ทีวี จำกัด) ให้บริการแฟลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต ทีวีแก่ลูกค้าจำนวนกว่า 600,000 ราย ภายใต้ชื่อบริการ 3BB GIGATV ซึ่งได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ
  2. บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ซึ่งดำเนินการจัดหา และรวบรวมคอนเทนต์ให้แก่ 3BB GIGATV

ปัจจุบัน 3BB GIGATV ให้บริการผ่านกล่อง Android Box ที่มีคอนเทนต์หลากหลาย ภายใต้ความ ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศในการจัดหาคอนเทนต์ที่หลากหลาย เช่น HBO CNN Bloomberg Tencent (We TV) MONOMAX BBC NHK

รวมทั้งให้บริการแบบบอกรับสมาชิก (Subscription Channel) ภายใต้ความร่วมมือกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในการให้บริการแพคบอลไทยลีคแบบรายเดือนและตลอดฤดูกาล รวมทั้งมีการ ให้บริการช่องกีฬาโดยเฉพาะอย่าง 3BB Sports One อีกด้วย

ดังนั้น ธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ จัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ กล่าวคือ ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวีที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ดำเนินการ อยู่แล้วข้างต้น รวมทั้งสามารถต่อยอดและขยายการดำเนินธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่เข้าไปในประเทศลาวและประเทศ กัมพูชาได้อีกด้วย

นอกจากนี้ JAS ยังระบุอีกว่า ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับกลุ่ม คือ เพื่อความสามารถขยายส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวีและธุรกิจการจัดหาคอนเทนต์ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำให้บ JAS สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวีและธุรกิจการจัดหาคอนเทนต์อย่างเต็มรูปแบบ

และสอดคล้องกับแผนธุรกิจของกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะผลักดันให้ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวีและธุรกิจการจัดหาคอนเทนต์เป็นเรือธง (Flagship) ของกลุ่มบริษัทฯ รวมทั้งการขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพในตลาด ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้จะช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มอำนาจต่อรองทางการค้าของกลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ จะสามารถเพิ่มฐานลูกค้า คู่ค้า และเครือข่ายผู้ติดตามของกลุ่มบริษัทฯ รวมทั้งสมาชิกของธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริโภคที่สนใจกีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา

โดย JAS กำลังอยู่ในกระบวนการแต่งตั้งพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ เพื่อทำการตลาดและการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ ผ่านทางดิจิทัลทีวี (Digital TV) เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ

ซึ่งพันธมิตรดังกล่าวอาจจะเป็นคู่ค้าปัจจุบันที่มีศักยภาพ ซึ่งหากมีความคืบหน้า บริษัทฯ จะดำเนินการเปิดเผยข้อมูลและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่ากลุ่มบริษัทฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนสมาชิก สปอนเซอร์ และโฆษณา ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ JAS คาดว่าการเข้าทำธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ประกอบกับเงื่อนไขตามที่จะได้ระบุไว้ใน Standstill Agreement และธุรกรรมถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้ง 1/2568 ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียง โดยไม่นับรวมผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสีย

สำหรับข้อมูลการถือหุ้นของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS พบว่า นายพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นอันดับที่ 1 จำนวน 4,474,467,987 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 52.07% และ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นเป็นอันดับที่ 3 จำนวน 300,746,366 หุ้น ในสัดส่วน 3.50%

ขณะที่หุ้น บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS พบว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นเป็นอันดับที่ 1 จำนวน 283,324,200 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 40.10%, นายพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นอันดับที่ 5 จำนวน 34,598,700 หุ้น ในสัดส่วน 4.90

ด้าน บริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO พบว่า นายพิชญ์ โพธารามิก ถือหุ้นเป็นอันดับ 1 จำนวน 2,004,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 57.73%