ตลาดหุ้นไทยวันนี้ แกว่ง Sideway รอปัจจัยใหม่ กรอบ 1,420-1,440 จุด

29 พ.ย. 2567 | 02:44 น.
อัปเดตล่าสุด :29 พ.ย. 2567 | 02:44 น.

บล.ลิเบอเรเตอร์ คาด SET Index วันนี้ 29 พ.ย.67 แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,420-1,440 จุด ยังสร้างฐาน รอดูปัจจัยใหม่ กลยุทธ์ทยอยสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรฟื้นตัว วันนี้แนะ SAWAD

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด (Liberator) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ 29 พ.ย.67 คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,420-1,440 จุด โดยปัจจัยต่างประเทศนั้น ทางฝั่งสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นวานนี้ปิดทำการ และคืนนี้จะเปิดทำการเพียงครึ่งวัน

ส่งผลให้คาดปริมาณการซื้อขายชะลอลง และไม่มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้น คงต้องกลับมาติดตามภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งมีหลายตัวเลขสำคัญ เช่น ดัชนี ISM ภาคผลิตและบริการ เดือน พ.ย., การจ้างงานนอกภาคเกษตร เป็นต้น

ขณะที่ทางฝั่งยุโรป วันนี้แนะติดตามการรายงานดัชนีเงินเฟ้อ CPI เดือน พ.ย. โดยคาดขยายตัว 2.3% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เร่งขึ้นจาก ต.ค. ที่ 2.0% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ส่วน Core CPI คาดที่ 2.8% เร่งขึ้นจาก 2.7% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ในเดือนก่อนหน้า

เช่นเดียวกับทางด้านญี่ปุ่นที่จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เช่นกัน โดยคาดที่ 2.2% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เร่งขึ้นจาก 1.8% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ในเดือน ต.ค. ส่วนด้าน Core CPI คาดที่ 1.9% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน เพิ่มจาก 1.8% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อนในเดือนก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดีคาดว่า BOJ ยังไม่รีบที่จะขึ้นดอกเบี้ย

ด้านราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวเล็กน้อย (Brent +0.6% สู่ 73.28 ดอลลาร์/บาร์เรล) ขานโอกาสที่ประชุม OPEC 5 ธ.ค. น่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นกำลังการผลิตเพิ่มเติม

ส่วนไทย วันนี้ติดตาม ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ต.ค. คาดแนวโน้มยังอยู่ในช่วงการขยายตัว ขณะที่ภาพ SET ยังสร้างฐาน ซึ่งคงต้องรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯในช่วงโค้งสุดท้ายของปี หรือเม็ดเงินกองทุนลดหย่อนภาษี ซึ่งจะเป็นตัวช่วยพยุงตลาดมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยที่ต้องจับตา

29 พ.ย.67

  • รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยรายเดือน 
  • เงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน & ญี่ปุ่น
  • ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ญี่ปุ่น
  • ยอดค้าปลีก ญี่ปุ่น

หุ้นเด่นแนะนำ

SAWAD ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 45.00 บาท การขาดทุนจากรถยึดมีทิศทางที่ลดลงเรื่อยๆ โดยพบว่าราคารถยนต์มือสองไม่ได้ปรับลดลงมากแล้ว หนุนคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น ผสานกับสถานการณ์หุ้นกู้เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น คาดจะเป็นแหล่งเงินทุนที่ดีในการเร่งปล่อยสินเชื่อมากขึ้นในช่วงไตรมาส 4/67 โดยสรุปคาดจะหนุนให้กำไรไตรมาส 4/67 มีโอกาสปรับขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อน และเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ผสานกับคาด SAWAD จะกลับมาติด SET50 รอบนี้ เป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติม

SGC ราคาเป้าหมาย 1.96 บาท คาดกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการเติบโตของโครงการ SG Finance+ ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อมือถือที่สามารถล็อกได้หากผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ NPL Ratio อยู่ในระดับต่ำ ผสานกับการปลดล็อกการเพิ่มทุน จะหนุนให้ SGC ผ่อนคลายดอกเบี้ยจ่าย และมีเม็ดเงินเพิ่มเติมในการปล่อยสินเชื่อ หนุนปี 68 กำไรจะเติบโตแบบก้าวกระโดด 

MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน และเติบโต 3% จากไตรมาสก่อน ทำจุดสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ผสานกับคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยหนี้ Stage 2 ลดลงสู่ระดับ 8% ของสินเชื่อรวม จาก 9% ในไตรมาส 2/67 และอัตราส่วน NPL ลดลงสู่ระดับ 2.82% จาก 2.88%

WHA ยังมีมุมมองเชิงบวกจากการลงทุนในไทยปี 67 ที่มีทิศทางที่ดีขึ้น สอดคล้องกับมูลค่า FDI ปี 66 ที่เติบโตกว่า 73% จากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยนักลงทุนจีนเข้ามาสูงสุด จากอุตสาหกรรม EV บริษัทตั้งเป้าปีนี้ธุรกิจโลจิสติกเพิ่มอีก 2 แสน ตร.ม. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม จะขยายเพิ่มอีก 2,070 ไร่ รวมทั้งจะมีการขยายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์รวม 2.13 แสน ตร.ม.

AMATA คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ยังคงขยายตัวได้ดี โดยประเมินยอดโอนที่ดินคาดจะสูงขึ้น โดยมี Backlog ล่าสุดสูงราว 1.94 หมื่นล้านบาท แรงหนุนจากความตึงเครียดระหว่างประเทศ คาดจะหนุนโอกาสการย้ายฐานการผลิตจากจีนและไต้หวันเข้าสู่ไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณของอัตรากำไรขั้นต้นที่มีทิศทางที่ขยับสูงขึ้นเป็นแรงหนุนเพิ่มเติม

AP ราคาเป้าหมาย 11.5 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/67 จะขยายตัวทั้งจากไตรมาสก่อน และจากเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ทำจุดสูงสุดของปี จากการรอโอน backlog ในไตรมาส 4 ที่สูงราว 1.18 หมื่นล้านบาท ผสานแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส 4/67 กว่า 13 โครงการ มูลค่าราว 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนภาพปี 68 คาดกลับมาเติบโตได้ 9% Valuation ปัจจุบันเทรด PE2025 ที่เพียง 4.8 เท่า ขณะคาดอัตราปันผลสูงราว 7% ต่อปี  

DOHOME ราคาเป้าหมาย 12 บาท แนวโน้มยอดขายสาขาเดิมในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย. มีทิศทางขยายตัว หนุนโอกาส SSSG ในช่วงไตรมาส 4/67 พลิกกลับมาเป็นบวก แรงหนุนจากเงินเบิกจ่ายภาครัฐฯที่กลับมาเร่งตัวขึ้น ผสานการซ่อมแซมบ้าน หลังผ่านพ้นเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นก็มีแนวโน้มขยายตัวขึ้น กว่าในช่วงไตรมาส 3/67 จากราคาเหล็กที่เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น