'นอติลุส'ตั้งวางเป้า 3 ปีแชมป์ทูน่ากระป๋องมุ่งขยายไลน์สินค้าราคาสูง-นวัฒกรรม

01 ก.พ. 2560 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.พ. 2560 | 07:53 น.
นอติลุส วางเป้าหมาย 3 ปีเพิ่มยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเองเท่าตัว สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ ลดความเสี่ยงจากรับจ้างผลิต พร้อมขึ้นแท่นผู้นำตลาดทูน่ากระป๋อง กินแชร์ตลาด 50%

นายวิชัย กรณปกรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอติลุสฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร อาทิ ปลาทูน่ากระป๋องแบรนด์นอติลุส ในกลุ่มบริษัทพัทยาฟู้ดฯ เปิดเผยว่า ได้วางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทเป็น 40% ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วน 20% และอีก 80% เป็นยอดขายของการรับจ้างผลิตเพื่อส่งออกไปต่างประเทศให้กับแบรนด์ต่างๆ ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ทำตลาดหลัก ได้แก่ แบรนด์นอติลุส กลุ่มสินค้าพรีเมียม แบรนด์นอติลุส ไลฟ์ กลุ่มสินค้าสุขภาพ แบรนด์ซีคราวน์ กลุ่มปลาซาดีนและปลาแมคเคอเรล และแบรนด์มงกุฎทะเล กลุ่มสินค้าคุ้มค่า นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ลิลลี่ ที่ทำตลาดเฉพาะในประเทศเวียดนามด้วย

สำหรับแนวทางการผลักดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทจะเน้นการขยายไลน์สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม สินค้านวัตกรรม และการเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ออกมาทำตลาด รวมถึงการขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มใหม่ต่างๆ อาทิ กลุ่มสินค้าอาหารสัตว์ ประเภทอาหารแมว ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนออกแบรนด์ใหม่ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ การเพิ่มสินค้าประเภทเนื้อไก่ ภายใต้แบรนด์นอติลุส ไลท์ เป็นต้น

"การที่บริษัทมุ่งเน้นการทำตลาดภายใต้แบรนด์ของตนเอง เนื่องจากต้องการสร้างความเติบโตแบบยั่งยืนให้กับธุรกิจ ประกอบกับภาวะการแข่งขันของธุรกิจมีสูง การรับจ้างผลิตจะมุ่งเน้นในเรื่องของราคาที่ถูกกว่า และสินค้าจะต้องดีกว่า หากไม่สามารถทำสินค้าภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวได้ ธุรกิจจะมีความเสี่ยงจากฐานลูกค้าที่ลดลง รวมถึงการเผชิญปัญหาวัตถุดิบที่มีความไม่แน่นอนทั้งในเรื่องของราคาและปริมาณประกอบด้วย"

ล่าสุด บริษัทเปิดตัวอติลุสไลท์ เทรนด์ คัพ นวัตกรรมอาหารพร้อมรับประทานในรูปแบบคัพ ที่มีต่อการดูแลสุขภาพและการควบคุมน้ำหนัก มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ ทูน่าในน้ำสลัดงาสไตล์ญี่ปุ่น สลัดทูน่าถั่วขาว และสลัดอกไก่พร้อมธัญพืช จำหน่ายในราคาถ้วยละ 48 บาท จำหน่ายผ่านช่องทางซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และช่องทางค้าปลีกทั่วไป

นายวิชัย กล่าวอีกว่า ยังตั้งเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มทูน่ากระป๋อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 50% ภายในระยะ 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 40% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 800 ล้านบาท ที่มีอัตราการเติบโต 10% ขณะที่แบรนด์ซีเล็คซึ่งเป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 47-48% ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมามียอดขาย 6,400 ล้านบาท เติบโต 8% จากปีก่อนหน้า โดยแต่ละปีบริษัทมีการใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาดและสร้างแบรนด์

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,231
วันที่ 29 มกราคม - 1 กุมภาพันธ์ 2560