แน่ล่ะ...ท่องเที่ยวยุคนี้ต้องแบกเป้ขึ้นบ่าหาที่ชิกๆ ให้ได้ถ่ายภาพมาลงโซเชียลอวดกัน บางที่ต้องปั่นไปแวะสถานที่สวยๆ งามๆ ครั้งนี้ ผู้เขียนมีโอกาสได้ไปเยือนมาแล้ว 2 ครั้ง รู้สึกประทับใจเลยต้องแนะนำให้ผู้อ่านลองไปเที่ยวกันดูที่ “ชุมชนท่องเที่ยวบ้านน้ำจืด” เกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา คราวนี้ขอมาทั้งชุมชนเพราะการท่องเที่ยวแบบใหม่ ต้องการให้ชุมชนเป็นผู้ดูแลการท่องเที่ยวในพื้นที่ของตัวเอง มีการปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวให้สวยงาม สร้างคนนำเที่ยวกันเอง สร้างรายได้เพิ่มและยังกลายเป็นชุมชนเข้มแข็งอีกด้วย เกริ่นมาซะยาวก็เพราะอยากให้ช่วยกันสนับสนุน แล้วชุมชนมีอะไรให้ท่องเที่ยวบ้าง...ขอบอกว่ามาก ย้ำตัวโตๆว่ามาก!!
งานนี้ไม่ได้มาเล่นๆ จับเข่าคุยกับ “กำนัน บัญญัติ ศรีสมุทร” ประธานกลุ่มชุมชนบนเกาะนี้ บอกว่าไฮไลต์ของเกาะยาว ต้องแบ่งเป็นในท้องทะเล จะมีเกาะแก่งต่างๆ สวยงามมาก ต้องล่องเรือออกไปยล มีทั้งเกาะกูดู ต้นไม้ใหญ่บนเกาะ ห้องค้างคาวที่เกาะเหลาโรย ที่อดไม่ได้ต้องขอจอดเรือลงลุยน้ำไปชมค้างคาวแม่ไก่ที่ห้อยหัวดำเต็มต้นไม้ไปหมด แค่นี้ก็รัวภาพใส่มือถือกันไม่ยั้ง ครั้นพอจะขึ้นเรือน้ำลงมาก เวลาเดินขึ้นเรือก็ต้องระวังหินกันเสียหน่อย แต่หลายเกาะของที่นี่ลงเล่นน้ำได้ ก็ให้ไกด์ที่พาไปแนะนำกันดู หากช่วงน้ำลงมากๆ แนะนำว่าต้องไปชม “สันหลังมังกร” ที่ยาวถึง 2 กม. ดูวิถีประมงพื้นบ้านมาเก็บหอย นักท่องเที่ยวเองก็ลงไปเดินเล่นลุยทราย เก็บหอย ถ่ายภาพ ยามพระอาทิตย์ใกล้อัสดงสวยงามมาก
เที่ยวทางน้ำแล้วมาเที่ยวทางบกกันบ้าง ไฮไลต์อยู่ที่ “ท้องทุ่งนากว่า 700 ไร่ ควายกว่า 200 ตัว” เป็นนาข้าวน้ำเค็ม คงเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ข้าวมีรสอร่อย แล้วทุ่งนากับควายก็เป็นเหมือนจุดขาย ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาชมอย่างต่อเนื่อง กำนันบอกว่าเป้าหมายเดียวกันคือต้องการที่จะพัฒนาชุมชนของตัวเองให้ดีขึ้น ทําให้เป็นเกาะแห่งเกษตรอินทรีย์ ท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ ชมวิถีการทำนา ข้าวเขียวขจี ถ้ามาช่วงข้าวออกรวง เชื่อว่าบรรยากาศก็จะสวยแปลกไปอีกแบบ ที่นี่จะนําขยะที่เกิดขึ้นในเกาะมาคัดแยก และผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ นํามาใช้ในพื้นที่ปลูกข้าวในชุมชน และจะปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ให้ได้ 100% เป็นข้าวอินทรีย์คุณภาพปลอดสารเคมี มีการพาชมการทำปุ๋ยอินทรีย์
พอไปยืนอยู่ที่ทุ่งนามองไกลๆจะเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา หากยืนหลับตา กางแขนรับพลังจากธรรมชาติ ฮัมเพลงไปเบาๆ “ก็มีแต่ควาย ควาย ควาย เท่านั้น..บลาๆๆ” รอบตัว มีน้องควายเดินเปะปะเล็มหญ้า กระจายๆกันไป อากาศปลอดโปร่งสูดได้เต็มปอด ตัดขาดโลกภายนอกสักแวบนึง แน่นอนล่ะว่าอาการเซลฟี่ต้องเกิด เหนื่อยนักก็มานั่งบนขนำที่ทำไว้สำหรับรับประทานอาหาร ที่ให้นั่งชมวิวจิบน้ำไปพลาง
ชื่นชมที่นาเสร็จ ถ้าเป็นนักปั่นก็ปั่นต่อไปอีกนิด ถ้าไม่ปั่นก็นั่งรถสองแถวบนเกาะพาเลยไปดูการทำขนมข้าวเม่า ที่หาชิมได้ยากแล้ว เอาข้าวใส่ครกแล้วก็ตำ ตำ ตำจนได้ที่ นำมาคลุกมะพร้าวอ๊อนอ่อน ใส่เกลือนิดมะพร้าวหน่อยก็อร่อยแล้ว อยากขอทดลองตำก็ได้ชาวบ้านเขาไม่หวง ไม่เพียงแค่นี้ ยังมีขนมคิ้วนาง เป็นแป้งชนิดหนึ่งนวดแล้วแผ่เป็นแผ่น นำก้นถ้วยมาตัดแบบคิ้วสาวและนำไปทอดเคลือบน้ำตาลบางๆ กรอบ โอ๊ยทานแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่หยุดร้อนในแล้วจะหาว่าไม่เตือนกัน นี่เป็นแค่สถานที่เรียกน้ำย่อย เพราะยังมีอีกหลายจุดทีเดียวที่จะให้ไปท่องเที่ยว จะใช้เวลา 1 หรือ 2 วันสำหรับ 2 จุดนี้ก็ได้หรือจะค่อยๆไปวันละแหล่งก็ได้เช่นกัน
ข้อมูลการเดินทาง ถ้ามาจากจังหวัดภูเก็ตนั่งรถโดยสารสองแถวประจำทางจากหน้าตลาดสดเทศบาลเมืองภูเก็ต ถึงท่าเรือบางโรง (รถจะหมดเวลา 13.00 น.) เรือโดยสารจะออกจากท่าเรือบางโรงถึงเกาะยาวน้อยวันละ 12 เที่ยว ออกทุกชั่วโมง ตั้งแต่ 07.30 -17.30 น.
การเดินทางจากจังหวัดพังงา ลงเรือที่ท่าเรือด่านศุลกากร เวลา 13.00 น. จากจังหวัดกระบี่ ลงเรือที่ท่าเรือท่าเลน เวลา 09.00 - 17.00 น. ลงเรือที่อ่าวนาง เวลา 11.00 น.
ลองหาเวลาพักร้อนออกไปปักหมุดท่องทะเลไทยกัน แล้วจะรู้ว่าเมืองไทยมีอะไรที่สวยไม่แพ้ชาติใดในโลก!!
หน้า 24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,481 วันที่ 23 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562