เกือบ 20 ปี ของการทำงานและบริหารธุรกิจความระดับโลก “อินเนส คาลไดรา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด บอกเลยว่า ไม่เคยเจอวิกฤติที่หนักเช่นครั้งนี้มาก่อน มันคือวิกฤตการณ์ข้ามคืนทางด้านสุขภาพ และสุขอนามัยครั้งแรก ที่ทั่วทั้งโลกหยุดในเวลาเดียวกัน
“มันเป็นประสบการณ์ใหม่ ที่ผู้นำ ต้องทำหน้าที่พาทีมงานและองค์กรก้าวผ่านไปด้วยกัน ด้วยความเข้าใจ และมองเห็นถึงคุณค่าของบุคลากร ทั้งทีมงานและพาร์ทเนอร์ธุรกิจ”
“อินเนส” บอกว่า สิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่งคือบุคลากร เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะปกป้องและช่วยเหลือ ให้ทั้งทีมงานและพาร์ตเนอร์ สามารถอยู่รอดและเดินหน้าไปด้วยกันได้ โดยการเรียนรู้ การให้ความช่วยเหลือ ที่จะทำให้ทุกคนกลับมามีรายได้เหมือนเดิมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
แม่ทัพหญิงลอรีอัล มีความเชื่อที่ว่า ธุรกิจความงามสามารถอยู่ได้ และจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เธอได้ปรับบิสิเนสโมเดลเยอะมาก ในการฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ โดยมุ่งเน้นการสนองตอบความต้องการของร้านค้า รวมทั้งพยายามผลักดันอี-คอมเมิร์ซ โดยพยายามให้ความรู้กับบรรดาร้านค้า และร้านทำผม การปรับเปลี่ยนการทำงานของฝ่ายขาย ไปสู่ e-visit เป็นการเยี่ยมเยียนร้านค้าและร้านทำผมผ่านทางออนไลน์
ที่สำคัญ คือ การทำงานเพื่อเตรียมพร้อมหลังปลดล็อก เพื่อให้ลูกค้าของลอรีอัล พร้อมให้บริการกับผู้บริโภค มีการจัดโครงการ SALON SOLIDARITY PROGRAM เพื่อเสริมทักษะ และเทคนิคต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของร้านซาลอน เพื่อช่วยให้ร้านซาลอนสามารถฟื้นธุรกิจได้อย่างรวดเร็วหลังโควิด และยังเตรียมพัฒนาระบบ pre-booking สำหรับการจองใช้บริการให้กับลูกค้าที่จะเข้าใช้บริการร้านซาลอน
“เราพยายามใส่พลังเราทั้งหมด ในการสอนพาร์ตเนอร์ของเรา เพื่อให้เขาสามารถสร้างรายได้กลับมา และยังมีการสอนว่าจะทำอย่างไร ในการหารายได้ให้มากขึ้น เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป”
ลอรีอัลได้ทำวิจัย และวิเคราะห์ข้อมูลจากที่ search ผ่านอินเตอร์เน็ต มีการพูดถึงการใช้บริการช่างผมมืออาชีพ ช่วงล็อกดาวน์คนต้องตัดผมเอง ทำสีเอง แต่ส่วนใหญ่แฮปปี้ที่จะกลับไปให้ช่างทำผมทำให้ เพราะมีความรู้สึกมั่นใจในผลลัพธ์ที่ได้ มากกว่าการทำเอง
ขณะเดียวกัน ความใส่ใจเรื่องของความงาม “อินเนส” มองว่า อุตสาหกรรมความงามจะเปลี่ยนแปลง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป อาจจะเป็นรูปแบบความงามใหม่ เป็น New Normal ความงามหลังหน้ากากอนามัย ซึ่งมันมีผลต่อการหายใจของผิวพรรณ เรื่องแบคทีเรียสะสม ทำให้เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่แตกต่างไป เครื่องสำอางสำหรับแต่งดวงตาจะเติบโตมากขึ้น ลิปสติกก็จะต้องมีนวัตกรรมที่แตกต่างออกไป เพราะฉะนั้น ธุรกิจความงามยังเติบโตต่อไปแน่นอน
“ฉันเป็นคนคิดบวก”… “อินเนส” ยอมรับตัวเอง และการคิดบวกของเธอ ก็เกิดจากข้อมูลที่มีเหตุมีผล มันจึงทำให้เธอมั่นใจ เพราะเรื่องความงามไม่ได้แต่งแต่เพื่อให้ดูสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่มันทำให้รู้สึกดี และเพิ่มความมั่นใจ ให้ความรู้สึกสดชื่นด้วย
เมื่อผู้นำมีความมั่นใจ ก็ถือเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดี ที่สามารถส่งต่อไปสู่ทีมงาน และคนรอบข้าง ขณะเดียวกัน ลอรีอัลก็มีทีมผู้บริหารเข้มแข็ง เข้าใจ เห็นอกเห็นใจกัน ทุกคนทำงานร่วมกัน ช่วยกัน ปรับเปลี่ยนตัวเร็ว คล่องตัว ทำงานแบบเจ้าของกิจการ
“อินเนส” บอกว่า วิกฤติครั้งนี้เป็นความท้าทายมากๆ แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้ได้เรียนรู้เยอะมาก เรียนรู้ทุกๆ วัน เรียนรู้การทำงาน เพื่อนร่วมงาน การตัดสินใจร่วมกัน
และเมื่อผ่านจุดนี้ไปได้ “อินเนส” มั่นใจว่า ทีมลอรีอัล ประเทศไทย จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และนั่นคือความภาคภูมิใจของผู้นำหญิงคนนี้
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 24 ฉบับที่ 3,576 วันที่ 21 - 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563