จากกรณีการตรวจพบสารโคเคนในเลือดของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อยู่วิทยา และตำรวจให้ข้อมูลว่าสารโคเคนที่ตรวจพบเกิดจากการรักษาฟันนั้น ส่งผลให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง
ล่าสุด ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทพ. นฤทธิ์ ลีพงษ์ รองคณบดี โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) เปิดเผยว่า การนำโคเคน (Cocaine) มาใช้ในวงการทันตกรรมนั้น ได้ถูกยกเลิกไปในช่วงศตวรรษที่ 19 หลังจากได้นำมาใช้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ซึ่งถือเป็นยาชาเฉพาะที่ตัวแรกที่โลกเคยนำมาใช้ในทางการแพทย์ เนื่องจากพิษของโคเคนที่มีผลกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตเป็นอย่างมาก ได้ส่งผลทางอ้อมต่อร่างกาย โดยไปรบกวนกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของสาร cathecolamine ในร่างกาย เป็นผลให้ผู้ป่วยที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมีความเสี่ยงและทำให้หัวใจทำงานหนัก
“ในอดีตการใช้โคเคนเป็นยาชาตัวแรกที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ แต่ก็ถูกยกเลิกไปแล้วมากกว่า 100 ปี เนื่องจากส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยทำให้การทำงานของหัวใจหนักขึ้นจากภาวะความดันโลหิตสูง ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่วงการทันตกรรมในปัจจุบันจะใช้สารเคมีตัวดังกล่าวแก่ผู้ที่มาทำการรักษาอย่างแน่นอน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทพ.นฤทธิ์ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ช่วยศาสตราจารย์ ทพ. นฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการพัฒนายาชาเพื่อใช้ในทางทันตกรรมมีความรุดหน้าไปมากและแตกต่างจากในอดีต โดยมีการพัฒนารูปแบบของสารที่มีโครงสร้าง Amide ที่มีคุณสมบัติทนความร้อนได้ดีกว่า มีความเสถียรคงตัวมากกว่าและมีอันตรายน้อยกว่า มาทำให้อยู่ในรูปแบบยาชาเฉพาะที่ใช้ในทางทันตกรรม เช่น ลิโดเคน (Lidocaine) เมพิวาเคน (Mepivacaine) หรือ อาติเคน (Articaine) เป็นต้น