ซีอีโอ ปตท.ชูดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น รีสตาร์ทองค์กรหลังโควิด -19

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา "อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์" เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าบริหาร และกรรมการผู้จัดการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คนที่ 10 ไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางความวุ่นวายของประเทศและโลก ที่เจอวิกฤติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด -19 ทำให้หลายธุรกิจซวนเซ ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจพลังงาน อย่าง ปตท.

จากประสบการณ์ที่อัดแน่นอนถึง 30 ปี ใน ปตท. กับตำแหน่งล่าสุดก่อนขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอ คือประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย กำกับดูแลในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจปิโตรเคมี และการกลั่น ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันและการค้าปลีก รวมทั้งถึงบริษัทย่อยในเครือ ปตท. ทั้ง บริษัท ไออาร์พีซี บริษัท ไทยออยล์ บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก โดยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ในการแยกธุรกิจน้ำมันออกมาจาก ปตท. เป็นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ก่อนนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ      

ขณะนี้ "อรรถพล" กำลังใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ที่มี Restart ธุรกิจที่หลากหลายของ ปตท. ให้พร้อมเดินหน้าอีกครั้ง โดยหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของการขับเคลื่อนครั้งนี้ ก็คือ ดิจิทัลทรานสฟอร์มเมชั่น ที่นำมาผสานรวมกับวิสัยทัศน์ “PTT by PTT”

ซีอีโอ ปตท. ขยายความ “PTT by PTT” ว่า เป้าหมายของเขาคือการนำ ปตท. ไปสู่ Powering Thailand’s Transformation...ด้วยขนาดองค์กรที่ใหญ่ ปตท. จึงควรทำหน้าที่เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ ข้ามการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะขับเคลื่อนอย่างไร ก็คือ... by PTT ที่เริ่มจาก P - Partnership and Platform ก่อนหน้านี้ ปตท.พยายามพัฒนาตัวเอง ในธุรกิจพลังงาน แต่ตอนนี้ไม่ได้ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว ปตท.ทำคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องพาร์ทเนอร์และแพลทฟอร์ม

"เราต้องเป็นแพลทฟอร์มให้รายย่อยๆ เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ แพลทฟอร์มไม่ใช่แค่ดิจิทัลแพลทฟอร์มอย่างเดียว แต่ต้องมี Physical Platform ด้วย ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ก็คือ ปั้มของเรา ที่มีธุรกิจอื่นๆ มาเกาะเกี่ยว และตอนนี้ก็ใส่เพิ่ม เรื่องของวิสาหกิจชุมชน มีเอสเอ็มอี ที่เรานำเข้ามาขายของกับแพลทฟอร์มของ ปตท. โดยไม่มีค่าใช้จ่าย"

ส่วนต่อมา คือ T - Technology for All ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เกิดจากการผสมผสานด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญของ ปตท. สร้างเป็นนวัตกรรมขององค์กร ที่สามารถนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจใหม่ หรือเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ๆ ที่ทำให้ กลุ่ม ปตท.เดินหน้าไปได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมๆ กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อสังคม และอีกตัวคือ T- Transparency and Sustainability การสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ เน้นให้พนักงานผู้ปฏิบัติมีความเข้าใจถึงการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี และประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม (Governance, Risk และ Compliance หรือ GRC) พร้อมกับพัฒนาการดำเนินธุรกิจให้เกิดความยั่งยืนทั้งมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ผู้นำ ปตท. เน้นย้ำว่า การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ไม่สามารถใช้ได้เพียงลำพังโดดๆ แต่ต้องผสมผสานกับความรู้คววามเชี่ยวชาญขององค์กร แล้วสร้างต่อไปทำให้เกิดเป็นธุรกิจใหม่ ซึ่งนั่นหมายถึง การ Up-Skill, Re-Skill พนักงานในองค์กรที่มีอยู่ ให้พัฒนาทักษะความรู้เพิ่มเติม เพื่อรองรับการทำงานในโลกยุคใหม่ ซึ่งขณะนี้ ปตท. ได้แตกไลน์ธุรกิจออกไปมากมาย อาทิ บริษัท AI and Robotics Ventures หรือ ARV ที่ให้บริการด้าน  AI และ Robotics รวมไปถึงการเป็น Venture เข้าไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่น่าสนใจ ซึ่ง ปตท. เน้นการลงทุนกับเทคสตาร์ทอัพ ที่มีความเกี่ยวโยงกับพลังงาน เป็นหลัก

ทิศทางของ ปตท. ที่ซีอีโอ ปตท.คนที่ 10 ท่านนี้ อยากเห็น คือ การปรับพอร์ตพร้อมผลักดันองค์กรให้หันไปลงทุนในธุรกิจที่เป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น รวมไปถึงอิเลคทริคซิตี้ ซึ่งเป็นพลังงานทางด้านไฟฟ้า และการลงทุนที่เป็นนิวเอสเคิร์ฟ โดยเฉพาะในธุรกิจยาและอาหารเสริม ซึ่งขณะนี้ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มเภสัชกร สร้างโรงงานผลิตยาต้านมะเร็ง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณต้นปีหน้า

งานใน 2 กลุ่มธุรกิจนี้ จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพให้ กลุ่ม ปตท.สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะความรู้ของ กลุ่มคน ปตท. รวมทั้งทักษะความรู้ใหม่ๆ ที่องค์กรพยายามเติมเต็มให้กับทุกส่วนงาน เข้ามาผสมผสานและผลักดันองค์กรให้เดินหน้าต่อไป แม้ช่วงนี้ จะอยู่ในโหมดรีสตาร์ท แต่ด้วยแนวทางการทำงานที่ชัดเจน บวกกับความแข็งแกร่งที่มี จะทำให้ ปตท. กลายเป็นองค์กรที่คนไทยรักเพิ่มมากขึ้น ตามเจตนารมย์ของซีอีโอท่านนี้แน่นอน

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 หน้า 24 ฉบับที่ 3,604 วันที่ 27 - 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563