วันที่ 7 มกราคม 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 7 มกราคม 2564...เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 755,212 คน รวมแล้วตอนนี้ 87,446,580 คน ตายเพิ่มอีก 14,155 คน ยอดตายรวม 1,886,843 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 258,396 คน รวม 21,766,037 คน ตายเพิ่มอีก 3,898 คน ยอดตายรวม 368,567 คน
อินเดีย ติดเพิ่ม 20,461 คน รวม 10,395,938 คน
บราซิล ติดเพิ่มถึง 56,756 คน รวม 7,867,156 คน
รัสเซีย ติดเพิ่ม 24,217 คน รวม 3,308,601 คน
สหราชอาณาจักร ติดเพิ่มทำลายสถิติมากถึง 62,322 คน รวม 2,836,801 คน ถือว่าติดเชื้อต่อวันเกินห้าหมื่นมาอย่างต่อเนื่องถึง 9 วันแล้ว
อันดับ 6-10 เป็น ฝรั่งเศส ตุรกี อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักหมื่นต่อวัน
ฝั่งอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
ญี่ปุ่น ติดเพิ่มทำลายสถิติถึง 4,357 คนในวันเดียว สูงกว่ายอดสูงสุดต่อวันในระลอกแรก 5.86 เท่า ขณะนี้ตายเพิ่มวันละกว่าหกสิบคน อัตราตาย 1.5% สูงกว่าไทยสองเท่า น่าจะเป็นเพราะจำนวนเคสเยอะมากเกินกว่าระบบสุขภาพจะดูแลได้
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชีย ก็ยังมีติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
เมียนมาร์ เกาหลีใต้ และไทย ติดเพิ่มหลายร้อย ส่วนจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่เวียดนาม และกัมพูชามีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ...สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 594 คน ตายเพิ่มอีก 19 คน ตอนนี้ยอดรวม 128,178 คน ตายไป 2,785 คน อัตราตายตอนนี้ 2.2% ส่วนมาเลเซียนั้น ยอดติดเชื้อสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าจะแซงเมียนมาร์ในอีกไม่กี่วันนี้
เหลียวมองภาพรวมของบ้านเรา...ตอนนี้สปีดแซงฮ่องกงมาอย่างรวดเร็ว คาดว่าปลายสัปดาห์นี้เราน่าจะเริ่มเห็นจำนวนการติดเชื้อที่มากขึ้นกว่าเดิมได้ อันเป็นผลจากการเดินทางในช่วงปีใหม่ "หากมีการตรวจหรือไปรับการตรวจ"
เรื่องสำคัญที่เป็นอุปสรรคในการตรวจคือ การที่หน่วยงานยังมองว่าต้องมีประวัติไปพื้นที่เสี่ยง ทั้งๆ ที่ปัจจุบันมันกระจายกันไปหมดทั่วประเทศ มีโอกาสที่แต่ละคนจะแพร่เชื้อหรือรับเชื้อมาได้โดยไม่รู้ตัวหากไม่ป้องกัน
"Everyone is at risk"
ดังนั้นจึงควรแนะนำให้คนสังเกตอาการหลังกลับจากทริปปีใหม่ หากในช่วงสองสัปดาห์มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสีย ควรรีบไปตรวจโควิดทันที ไม่งั้นก็จะมีโอกาสแพร่กระจายต่อไปเรื่อยๆ
ด้วยระบบตรวจคัดกรองแบบปัจจุบัน จำนวนเคสติดเชื้อที่เราเห็นจึงมีแนวโน้มว่าจะน้อยกว่าที่เป็นจริง
ยิ่งในปัจจุบัน มาตรการรัฐไม่ได้เข้มข้นเพียงพอที่จะจำกัดการเดินทางไปมา และยังมีกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่ยังมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อรับเชื้อกันในทุกพื้นที่ การจัดการโรคระบาดให้สงบในเวลาอันสั้นจึงเป็นไปได้ยากครับ สุดท้ายแล้วอาจทำให้ทุกที่เป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จับต้นชนปลายหาสาเหตุไม่ได้อีก
หนทางบรรเทาปัญหาในระยะสั้น หากมีระบบให้ประชาชนประเมินตนเอง และรายงานอาการไม่สบายข้างต้นโดยระบุตำแหน่งที่อยู่ในแผนที่ ผ่านทางมือถือได้ ก็อาจทำให้เห็นภาพรวมของความชุกของอาการไม่สบายในแต่ละพื้นที่ และรัฐอาจจัดบริการตรวจโควิดแบบรถโมบายล์ ไปตรงบริเวณที่มีรายงานความชุกสูง ก็อาจมีส่วนช่วยให้คนเข้าถึงบริการได้ดีขึ้น
จากนี้ไปถึงกลางเดือนเป็นช่วงอันตรายสำหรับทุกคนที่ใช้ชีวิตตะลอนๆ นอกบ้าน ขอให้ระมัดระวัง ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด
ช่าวที่เกี่ยวข้อง
“หมอธีระ”ชี้มาตรการ 8 ข้อ เหมือน"สล็อธติด THC" วิ่งไม่ไหว เชื่องช้า
ยอดโควิด 7 ม.ค.64 ทั่วโลกผู้ป่วยเพิ่ม 7.22 แสนราย รวม 87.55 ล้านราย