ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายภาคเช้าวันนี้ 4 เม.ย.68 ปรับตัวลดลง 30.25 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 2.60% ลงมาอยู่ที่ระดับ 1,131.56 จุด จากปิดตลาดก่อนหน้า ในช่วงระหว่างเปิดการซื้อขายภาคเช้าดัชนีแกว่งตัวในกรอบสูงสุดและต่ำสุดที่ระดับ 1,156.02 - 1,128.63 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ถึงกว่า 30 จุด นับว่าเป็นปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี ตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 คลายตัว
ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากแรงกดดันจากมาตรการตอบโตทางภาษีของสหรัฐฯ ที่เข้ามาสร้างแรงสะเทือน ทำให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลก โดยการขึ้นภาษีต่อไทยของสหรัฐฯ ในรอบนี้ส่งผลกดดัน GDP จากเดิมที่คาดว่า Downside ที่ระดับ 2.8% อาจลดลงเหลือประมาณ 2% ต้นๆ
โดยหากว่าการเจรจาต่อรองของไทยไม่สามารถลดภาษีจากฝั่งสหรัฐฯ ลดลง ก็มีความเป้นไปได้ว่า GDP อาจหลุดลงไปต่ำกว่า 2% ในปี 2568 นี้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลไทยจะชั่งน้ำหนักเรื่องใดในการต่อรองครั้งนี้เป็นสำคัญ อาจจำเป็นต้องปลดล็อกการปกป้องสินค้าเกษตร เปิดตลาดให้กับสินค้าสหรัฐฯ เช่น นำเข้าเนื้อสัตว์ เนื้อหมู ไก่ วัว เป็นต้น
นอกจากนี้ มองว่าเมื่อเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวหรือถดถอยลงก็ทำให้มองว่าความต้องการใช้น้ำมันลดลง เป็นผลให้ราคาน้ำมันปรับฐานลงแรงในวันนี้ ประกอบกับ Opec+ มีมติที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิต 4.11 แสนบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน พ.ค.นี้ ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งให้กลุ่มหุ้นพลังงานวันนี้ปรับตัวลงแรง
อย่างไรก็ตาม มองกรอบดัชนีแนวรับไว้ที่ระดับ 1120-1140 จุด เป็น Downside ขณะที่แนวโน้มเงินทุนต่างชาติ มองว่าตราบใดที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังห่างกันมาก ฟันด์โฟลว์ไม่กลับมาแน่นอน