จากเหตุไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้ว 21 ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ล่าสุด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ บริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ซ.กิ่งแก้ว 21 อำเภอบางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมพลาสติก ว่า ในส่วนของกระทรวง โดยกรมควบคุมมลพิษ ได้หารือกับ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NPC ว่า จะสามารถใช้ ออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ ฉีดลงไปยังจุดที่มีสารสไตรีน เพื่อให้แข็งตัวติดไฟยากขึ้น ควบคุมเชื้อเพลิงได้ง่ายขึ้น ไม่ให้เกิดปะทุขึ้นมาใหม่
วันเดียวกันนี้ทางกรมควบคุมมลพิษ จะได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อหารือให้ความเห็นชอบว่า จะให้นำสารดังกล่าวนี้มาหรือไม่
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ทั้งที่กิ่งแก้ว และที่ลาดกระบัง บริเวณโรงงานน้ำหอมนั้น ก็สามารถควบคุมเพลิงได้หมดแล้ว และได้ให้ทางกรมควบคุมมลพิษ เข้าประเมินสถานการณ์ในช่วงเช้าว่า ทั้งสองแห่งนั้นเกิดมลภาวะอย่างไรหรือไม่ พร้อมทั้งให้เก็บตัวอย่างน้ำไปสำรวจ ทั้งเรื่องคราบน้ำมัน สารตกค้าง สารระเหย รวมถึงให้ตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบพื้นที่ด้วย
นอกจากนี้ ได้ให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล เร่งสำรวจคุณภาพน้ำทั้งบนผิวดินและใต้ดิน โดยมีทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักเคมี รวมถึงนักธรณี ประชุมหารือร่วมกัน เพื่อดูในรัศมี ตั้งแต่ 0-12 กม. ให้ตรวจสอบตัวอย่าง ทั้งผิวดินและใต้ดินเนื่องจากอาจจะมีการซึมลงไปในน้ำผิวดินได้ หากได้ผลเป็นอย่างไรจะรีบแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ
ส่วนเรื่องอากาศอยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้ว เพราะปริมาณสารพิษที่ขึ้นมานั้นลอยขึ้นไปสูงมาก และลอยไปไกลกระจายตัวไปในชั้นบรรยากาศแล้ว แต่ที่ยังเป็นห่วงยังไม่กล้าให้เข้าไป อย่างเช่น เมื่อวานก่อนที่มีเพิ่งปะทุขึ้นมาจึงต้องทำให้แน่ใจเสียก่อนว่า สามารถบริหารเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด จะได้ไม่มีการประทุตัวของไฟขึ้นมาอีกจึงได้พยายามประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อนำออร์แกนิกเปอร์ออกไซด์ มาฉีดเพื่อทำให้สารเคมี ในพื้นที่แข็งตัวแล้วสามารถเก็บออกมาได้
"เมื่อเราบริหารจัดการเชื้อเพลิงได้ทั้งหมดแล้วก็มั่นใจว่า การสำรวจน้ำก็จะได้ผลภายใน1-2 วัน ประชาชนจะได้อุ่นใจได้ว่า จะสามารถกลับเข้าบ้านได้" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ระบุ
ในส่วนของรถโมบายของกรมควบคุมมลพิษที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพอากาศ ก็ยังประจำอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ และวิ่งตรวจสภาพอากาศโดยรอบอยู่ นอกจากนั้นยังมีสถานีตรวจอากาศขนาดย่อม และมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ที่ใช้ชุดตรวจแบบมือถือ สามารถเข้าตรวจในพื้นที่ได้อย่างทันควัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญนั้นก็ยังทำงานอยู่ในพื้นที่ เห็นได้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ โดยปกติเหมือนจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ในช่วงภาวะวิกฤตเช่นนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ขาดไม่ได้
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษทุกคนที่เป็นหนึ่งในทีม ที่เข้าไปสำรวจคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ มลภาวะต่างๆเพื่อทุกคน เป็นหน่วยงานที่เข้าไปหลังเพลิงสงบซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน
ขอให้ประชาชนทุกคนมั่นใจว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ประสานงานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะทำให้สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมและปลอดภัย ประชาชนจะได้กลับเข้าเคหสถานได้ในเร็ววัน