"ล็อกดาวน์" ครั้งนี้ช่วยได้ไม่มาก หมอมนูญชี้ผลเสียหายต่อเศรษฐกิจมากมาย

12 ก.ค. 2564 | 01:54 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2564 | 11:30 น.

หมอมนูญแจงความเหมือนและแตกต่างของการล็อกดาวน์ครั้งแรกกับครั้งนี้ ระบุสาเหตุเดือนเมษายนปีที่แล้วมาจากการรวมตัวในสถานที่แออัด แต่ปีนี้ผู้ติดเชื้อไม่ทราบแหล่งที่มา ชี้ครั้งนี้คงช่วยได้ไม่มาก และเศรษฐกิจเสียหายมากมายเหมือนครั้งแรกแน่นอน

ายงานข่าวระบุว่า นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
การล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วกับครั้งนี้มีความเหมือนและความแตกต่างกันอย่างไร
การระบาดรอบแรกเกิดจากซุปเปอร์สเปรดเดอร์แพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) สายพันธุ์ดั้งเดิมให้กับคนที่มารวมกลุ่มกันในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่ดี เช่นสนามมวย บ่อนการพนัน ช่วงนั้นมีคนติดเชื้อหลักร้อยคนต่อวันเท่านั้น หลังจากที่มีการล็อกดาวน์ห้ามคนรวมกลุ่มกัน หยุดการเดินทาง สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้สำเร็จ แต่ต้องแลกกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ (trade off) การล็อกดาวน์ทั้งประเทศครั้งแรกในปี 2563 นาน 3 เดือนทำให้เศรษฐกิจเสียหายเดือนละ 2-3 แสนล้านบาท รวม 3 เดือน 9 แสนล้านบาท
การระบาดรอบนี้แตกต่างจากรอบแรก ครั้งนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองไปติดเชื้อจากใคร และเมื่อนำเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าบ้าน เนื่องจากคนไทยอยู่กันในลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ที่มีพ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย และญาติอยู่ร่วมกัน (extended family) จึงติดคนในบ้านหลายคนพร้อมๆกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนสูงอายุ เมื่อติดเชื้อจะมีโอกาสป่วยและเสียชีวิตสูง ในช่วงเวลา 3 เดือนกว่าๆที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 3 แสนคน แต่ถ้าตรวจมากกว่านี้เชื่อว่าคงมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แสดงให้เห็นว่าเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อัลฟาและต่อมาเดลตาติดต่อกันง่ายมาก สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วมากๆ แตกต่างจากสายพันธุ์ดั้งเดิม

การล็อกดาวน์โดยขอให้เวิร์กฟรอมโฮม งดการเดินทางโดยไม่จำเป็นยกเว้นซื้ออาหาร  ไปโรงพยาบาลและฉีดวัคซีน ห้ามคนรวมกลุ่มกัน ก็ไม่แน่ใจว่าจะประสบผลสำเร็จเหมือนการล็อกดาวน์ครั้งแรก เพราะคนยังนำเชื้อไวรัสเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว และแพร่ต่อให้คนในบ้านซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน ปัจจุบันคนไทยได้รับวัคซีนเข็มแรก 9 ล้านกว่าคนเท่านั้น ถ้ารวมกับคนที่ติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติหลังจากติดเชื้ออีก 5-6 แสนคน ก็ยังห่างไกลจากตัวเลขอย่างน้อย 50 ล้านคน ถึงจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ หยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ 

\"ล็อกดาวน์\" ครั้งนี้ช่วยได้ไม่มาก หมอมนูญชี้ผลเสียหายต่อเศรษฐกิจมากมาย
วัคซีนเป็นทางออกเดียวที่จะหยุดการแพร่ระบาดในประเทศไทย รัฐต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด รีบฉีดให้กับคนสูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 7 โรคให้มากที่สุด คนไทยทุกคนต้องร่วมมือกัน ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดไม่นำเชื้อไวรัสเข้าบ้าน ใส่หน้ากากอนามัยทุกคนเวลาออกนอกบ้าน เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ละเว้นการรับประทานอาหารกับผู้อื่น หมั่นล้างมือ รีบจองคิว เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยด่วน

การล็อกดาวน์ครั้งนี้เชื่อว่าคงช่วยได้ไม่มากเหมือนครั้งที่แล้ว แต่การล็อกดาวน์มีผลเสียต่อเศรษฐกิจมากมายเหมือนการล็อกดาวน์ครั้งแรกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย วันที่ 12 กรกฏาคม 2564 จากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวม 8,656 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,583 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 73 ราย  ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 316,164 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,687 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 224,232 ราย