"หน้ากากอนามัย"ป้องกันโควิด-19ได้จริง ต้องดูอย่างไร เช็กที่นี่

12 ก.ค. 2564 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2564 | 18:18 น.

หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูล ดูอย่างไรจึงจะได้หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพป้องกันโควิด-19ได้จริง ชี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดการติดเชื้อได้ ระบุหน้ากาก Surgical Mask หรือ Medical Maskเหมาะกับประชาชนทั่วไป

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า     
ดูอย่างไร !! จึงจะได้หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพป้องกันโควิดได้จริง
จากสถานการณ์โควิดระบาดระลอกที่สาม ( 1 เมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน) มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วและกว้างขวางเป็นอย่างมาก
จนถึงวันนี้ (11 กรกฎาคม 2564) มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 307,508 คน เสียชีวิต 2,617 คน
เมื่อเปรียบเทียบกับระลอกที่หนึ่งติดเชื้อ 4000 คน เสียชีวิต 60 คน
ระลอกที่สองติดเชื้อ 24,863 คน เสียชีวิต 34 คน
จะเห็นได้ว่าการระบาดในระลอกที่สามนี้ มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งที่มีมาตรการควบคุมไม่ได้น้อยกว่าระลอกที่สองเลย
สาเหตุเกิดจากไวรัส มีการกลายพันธุ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เป็นไวรัสสายพันธุ์สายพันธุ์อัลฟาหรืออังกฤษเดิม และไวรัสสายพันธุ์เดลตาหรืออินเดียเดิม ซึ่งล้วนต่างมีความสามารถในการแพร่ระบาดที่ขว้างขวางและรวดเร็วขึ้นมาก
เครื่องมือสำคัญชิ้นหนึ่ง ที่จะช่วยลดการติดเชื้อไวรัสที่ก่อโรคโควิดได้ คือ หน้ากากที่จะป้องกันจมูกและปากไม่ให้รับเชื้อไวรัส หน้ากากที่มีความเหมาะสมสำหรับประชาชนทั่วไป ที่ไม่ได้ทำงานในโรงพยาบาลขณะนี้คือ “หน้ากากอนามัย” หรือที่เรียกว่า Surgical Mask หรือ Medical Mask เพราะมีราคาไม่แพง หาซื้อได้สะดวก และป้องกันได้ดีพอสมควร

ในกรณีที่หน้ากากอนามัยมีความขาดแคลน เช่น การระบาดระลอกที่หนึ่ง ก็จะใช้หน้ากากผ้าเข้ามาเสริม แต่ก็ต้องเป็นหน้ากากผ้าคุณภาพดีด้วยเช่นกัน

\"หน้ากากอนามัย\"ป้องกันโควิด-19ได้จริง ต้องดูอย่างไร เช็กที่นี่
ในขณะนี้ สภาวะที่มีโรคระบาดเป็นอย่างมาก หน้ากากอนามัยจึงเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมาก คนที่ใช้หน้ากากอนามัย ควรจะมีความเสี่ยงในการรับไวรัสลดลง แต่ถ้าหน้ากากอนามัยไม่มีคุณภาพ ก็จะทำให้เราเข้าใจผิด และยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น พบว่ามีการซื้อขายหน้ากากอนามัยตามตลาดนัด หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ ที่น่าเป็นกังวล ว่าจะไม่มีคุณภาพ เนื่องจากราคาต่อแผ่นเพียง 32 สตางค์ หรือกล่องละ 16 บาท หรือลังละ 800 บาท
การตรวจสอบว่าหน้ากากอนามัยมีคุณภาพหรือไม่ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ให้สังเกตดังนี้
1.ถ้าราคาถูกมากคือต่ำกว่าชิ้นละ 1 บาท หรือกล่องละ 40 บาท(50 ชิ้น) หรือลังละ 1500-2000 บาท( 50 กล่อง) ให้สงสัยว่าอาจไม่มีคุณภาพ
2.ข้างกล่องที่บรรจุหน้ากากอนามัย (ปกติบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น)จะต้องปรากฏข้อความคำว่า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือภาษาอังกฤษว่า Medical Mask , Surgical Mask
3.จะต้องมีการระบุแหล่งผลิต และบริษัทนำเข้าที่ชัดเจน
4.ต้องมีการแจ้งวันผลิต และวันหมดอายุที่ชัดเจน
5.สามารถนำชื่อบริษัทแหล่งผลิตหรือบริษัทนำเข้า พร้อมหมายเลขจดทะเบียน ไปตรวจสอบกับเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ( www.fda.morph.go.th)ในหัวข้อ “ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ “ หรือ โทรศัพท์ 1556 เพื่อดูว่าเลขทะเบียน นั้นมีอยู่จริงและได้ขึ้นทะเบียนกับอย.ไว้หรือไม่

การตรวจสอบหน้ากากอนามัยก่อนที่จะซื้อ ไม่ว่าซื้อโดยตรงจากร้านค้า ตลาดนัด หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะถ้าเราซื้อมาใช้แล้ว กลายเป็นหน้ากากอนามัยที่ไม่มีคุณภาพ ป้องกันเชื้อไม่ได้
สุดท้ายก็จะทำให้เราติดเชื้อโดยที่ไม่ควรจะติด และเป็นภาระทั้งต่อตนเองและสาธารณะต่อไป
ในช่วงที่มีการระบาดระลอกสามนี้ หน่วยงานของรัฐและสื่อมวลชน ควรจะระดมทำงานร่วมกันอีกครั้ง โดยช่วยกันเผยแพร่รายชื่อยี่ห้อหน้ากากอนามัย ชื่อบริษัท หรือบริษัทนำเข้า ที่ได้รับการตรวจรับรองคุณภาพแล้ว
เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อ หน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพ เพราะผ่านการตรวจรับรองแล้ว โดยที่ไม่ต้องทำให้ประชาชนต้องไปทำการตรวจสอบด้วยตนเอง
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19) ในประเทศไทย วันที่ 12 กรกฏาคม 2564 จากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นรวม 8,656 ราย มาจาก ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,583 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 73 ราย  ผู้ป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 316,164 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 80 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,687 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 เม.ย.64) 224,232 ราย 

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-10 ก.ค. 64 ในประเทศไทย พบว่า มีการฉีดสะสมจำนวน 12,469,188 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 9,213,598 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,255,590 ราย