รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ข้อความระบุ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 วันนี้ ที่ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ไม่ได้มีทีท่าจะลดลง แต่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนแตะระดับ 13,000 คนต่อวันแล้วซึ่งไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าแปลกใจเลย สำหรับคนที่ไม่ได้เชื่อถือตัวเลขรายงาน ศบค.
ก่อนหน้านี้ว่าจะแม่นยำจริงเพราะจำนวนการตรวจของประเทศไทย เรายังค่อนข้างจำกัด ถ้าไม่ตรวจ RT-PCR ให้เยอะขึ้นอีกสัก 2-3 เท่าตัว (จาก 7-8 หมื่น เป็น 1.5 - 2 แสนตัวอย่าง) ก็คงไม่รู้ว่าตัวเลขจริงคือเท่าไหร่กันแน่ (ดูภาพประกอบ) ในต่างประเทศนั้น จริงๆ เขาไม่สนใจหมกหมุ่นกับจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ติดเชื้อแล้วก็หายได้เอง (ยิ่งติดเยอะ ถ้าหาย ก็ยิ่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ได้เยอะขึ้น)
ตัวเลขที่สำคัญกว่าคือ จำนวนผู้ป่วยหนักเข้า ICU และผู้เสียชีวิต ซึ่งต้องพยายามลดจำนวนตรงนั้นให้ได้ .. ซึ่งของไทยเราอยู่ที่ประมาณ 0.67% และ 0.83% ตามลำดับ และต้องลดลงให้ได้มากกว่านี้ (ด้วยการตรวจหาผู้ติดเชื้อ กักตัว และฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น)
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการแถลงของ ศบค. คือการยกระดับความเข้มงวดในการล็อกดาวน์ประเทศมากขึ้น เนื่องจากระดับของผู้ติดเชื้อรายวันสูงขึ้น ไม่ลดลง โดยมีการกล่าวอ้างว่า ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป จะไปใช้การล็อคดาวน์อย่างเข้มข้น ปิดล็อคเมือง แบบ "เมืองอู่ฮั่น" ประเทศจีน !
คำถามคือ “อู่ฮั่นโมเดล” เป็นโมเดลที่ดีจริงเหรอ ? แล้วเขาใช้แค่การ "ปิดล็อคเมืองเข้มข้น" จนทำให้ผู้ติดเชื้อหมดไปเอง อย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ จริงหรือเปล่า ?ได้ไปเจอบทความของ อาจารย์ ดร. อาร์ม ตั้งนิรันดร คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ดูลิงค์ด้านล่าง) อธิบายเรื่อง #อู่ฮั่นโมเดล ไว้น่าสนใจนะครับ ว่าจริงๆ แล้ว มันเป็นตัวอย่างของ "ความผิดพลาด" ที่ประเทศจีนเองต้องถอดบทเรียนมา ต่างหาก !
ขอสรุปเนื้อหาบทความ ดังนี้
จีน ถึงขั้นที่อาจจะฉีดวัคซีน mRNA เป็นบูสเตอร์เข็มที่ 3 ฟรี ให้กับประชากร เพื่อรับมือการกลายพันธุ์ของเชื้อ และค่อยๆ นำไปสู่การเปิดประเทศได้ (อย่าลืมว่าจีนประสบความสำเร็จ ด้วยการปิดประเทศอย่างเข้มงวดมาตลอดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรค) รับการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ต้นปีหน้า
ดังนั้น ทั้งการไม่ล็อคดาวน์อู่ฮั่นเพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นของการระบาด และ การล็อคดาวน์อู่ฮั่นอย่างเข้มงวดจนเกิดวิกฤติต่อเศรษฐกิจสังคมขึ้น ล้วนเป็น "ความผิดพลาด" ที่จีนได้เรียนรู้จากทั้ง 2 เรื่อง
ความเห็นส่งท้าย ของผม ก็คือว่า คนไทยเรา อย่าเพิ่งไปเข้าใจผิดว่า คำว่า "อู่ฮั่นโมเดล" และ "การล็อคดาวน์ปิดเมือง" คือทางออกแบบสูตรสำเร็จ ที่จะใช้ได้กับประเทศไทยเรา เพราะประเทศจีนเขาเอง ก็มองเห็นถึงความผิดพลาดตรงนั้น และพยายามปรับแก้ให้ดีขึ้น ด้วยสูตร "ล็อคเร็ว ล็อคเฉพาะจุด เน้นตรวจหา กักกัน และฉีดวัคซีนป้องกัน ตามด้วยเยียวยา"
ขณะที่ ปัญหาใหญ่ของเราตอนนี้คือ ศักยภาพใน "การตรวจ" ของเรา ที่ต่ำมากกก ! รวมทั้งกระบวนการกักตัวด้วย ... ในขณะที่วัคซีนประสิทธิภาพสูงนั้น ก็อีกนานมาก กว่าจะมีเข้ามาเป็นจำนวนมากเพียงพอ จนทำให้ประชาชนของเราเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้
พูดแบบขำๆ (แต่เศร้า) คือถ้าเราแค่ปิดล็อคเมือง แต่ไม่มีศักยภาพอื่นๆ มาช่วย ไม่ตรวจหา ไม่กักกัน ... คงทำให้เชื้อโรคตายหมดได้จริง เพราะพาหะของเชื้อโรคก็ตายหมดไปด้วย ละมั้งครับ หึๆๆ