วัคซีน Sinovac ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 หลัง 6 เดือนภูมิคุ้มกันขึ้นสูงอีก 21-33 เท่า

29 ก.ค. 2564 | 05:19 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ก.ค. 2564 | 15:22 น.

หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลการฉีดวัคซีน Sinovac กระตุ้นเข็มที่ 3 หลัง 6 เดือนภูมิคุ้มกันขึ้นสูงอีก 21-33 เท่า ภายในเวลาหนึ่งเดือนหลังจากฉีด ระบุงานวิจัยยังต้องทำเฟสสามต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า  
วัคซีน CoronaVax ของบริษัท Sinovac เมื่อฉีดครบ 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันจะลดลงที่ 6 เดือน แต่เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มสามห่างออกไปที่ 6 เดือน ภูมิคุ้มกันกลับมาขึ้นสูงอีก 21-33 เท่า
สถานการณ์โควิดระบาดทั่วโลกในขณะนี้ ได้มีวัคซีนที่ฉีดในสถานการณ์ฉุกเฉิน(EUA)แล้วทั้งสิ้น 20 ชนิด กว่า 3.73 พันล้านเข็ม
สามารถลดการแพร่เชื้อ และลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็มีคำถามที่สำคัญดังนี้
1.ระดับของภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีน จะอยู่ได้นานเพียงใด
2.มีความจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นเพิ่มเติมหรือไม่ และควรฉีดห่างจากเข็มที่สองนานเท่าใด
บริษัท Sinovac ซึ่งเป็นเจ้าของวัคซีน CoronaVax ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก และเข้าสู่โครงการ COVAX ที่จะกระจายวัคซีนให้กับประเทศรายได้น้อยกว่า 92 ประเทศ ตลอดจนฉีดในประเทศจีนไปแล้ว 1.46 พันล้านเข็ม ก็ต้องการจะทราบคำตอบของคำถามดังกล่าวด้วยเช่นกัน

วันนี้ ได้มีรายงานการศึกษาเฟสสอง(Pre-print) ของการฉีดกระตุ้นเข็มสาม ว่าจะมีผลเป็นอย่างไรบ้าง
โดยได้มีการเริ่มศึกษาทดลองมาตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 โดยแบ่งกลุ่มอาสาสมัครจำนวน 540 คนออกเป็นกลุ่มต่างๆดังนี้
1.กลุ่มที่หนึ่ง ฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกัน 14 วัน และกระตุ้นเข็มสามห่างจากเข็มสอง 1 เดือน
2.กลุ่มที่สอง ฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกัน 14 วัน และฉีดกระตุ้นเข็มสามห่างจากเข็มสอง 6 เดือน
3.กลุ่มที่สาม ฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกัน 28 วัน และกระตุ้นเข็มสามห่างจากเข็มสอง 1 เดือน
4.กลุ่มที่สี่ ฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกัน 28 วัน และกระตุ้นเข็มสามห่างจากเข็มสอง 6 เดือน

ผลทดลองการฉีดวัคซีน
พบว่าผลข้างเคียงของทั้งสี่กลุ่ม จากการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม ไม่แตกต่างจากผลข้างเคียงที่ฉีดสองเข็มแรก ความปลอดภัยจึงอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้
ส่วนการดูระดับภูมิคุ้มกัน พบการศึกษาที่น่าสนใจคือ
1.การฉีดกระตุ้นเข็มที่สาม ห่าง 6 เดือน ดีกว่าการฉีดกระตุ้นเข็มที่สามห่างจากเข็มสองเพียง 1 เดือน โดยกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นได้สูงมากกว่าถึง 3 เท่าตัว
2.การฉีดสองเข็มห่างกัน 28 วัน จะได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่าฉีดสองเข็มห่างกัน 14 วัน มากถึง 2 เท่าตัว
3.ระดับภูมิคุ้มกันที่หกเดือนหลังจากฉีดเข็มสอง พบว่าลดลงไปต่ำกว่าระดับ Cut-off
4.แต่เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มสาม ห่างออกไป 6 เดือน พบว่าสามารถทำให้ระดับภูมิคุ้มกันกลับมาสูงขึ้นกว่าเดิมมากถึง 21-33 เท่า จากระดับภูมิคุ้มกันที่ตกลงไป

ระดับภูมิคุ้มกัน
จึงพอสรุปได้ว่า

วัคซีน Sinovac เมื่อฉีดครบสองเข็มแล้วระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงภายในหกเดือนแต่ได้กระตุ้นระบบความทรงจำของภูมิคุ้มกันร่างกายเอาไว้ เมื่อฉีดกระตุ้นเข็มสาม ระบบภูมิคุ้มกันก็สามารถกลับมาทำหน้าที่ สร้างระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น 21-33 เท่า ภายในเวลาหนึ่งเดือนหลังจากฉีดเข็มสาม
การวิจัยนี้จำเป็นจะต้องทำเฟสสามต่อไป เพื่อให้มีจำนวนอาสาสมัครที่เพิ่มมากขึ้น และมีข้อจำกัดหลายประการคือ ไม่ได้ทำในผู้สูงอายุ ไม่ได้ทดสอบในผู้ที่มีโรคประจำตัว และยังไม่ทราบระดับภูมิคุ้มกันที่ชัดเจนว่า ระดับใดถึงจะเริ่มป้องกันโรคได้ (เช่นเดียวกับวัคซีนอื่นๆทั่วโลกก็ยังไม่ทราบเช่นกัน)
คงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า การฉีดกระตุ้นเข็มสามในประเทศไทย หลังจากฉีด Sinovac สองเข็มแล้ว ควรจะเป็นกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนชนิดใดดีกว่ากัน ระหว่าง Sinovac,Astra หรือ Pfizer
ภายในอีก 1-2 เดือนนี้ จะเริ่มทยอยมีข้อมูลแสดงประสิทธิผลการกระตุ้นเข็มสามของวัคซีนหลากหลายบริษัท และหลากหลายเทคโนโลยีออกมาเป็นลำดับ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" รวบรวมตัวเลขการฉีดวัคซีนโควิด-19 (Covid-19)ในประเทศไทย วันที่ 28 ก.พ.-27 ก.ค. 64 จากศูนย์ข้อมูลโควิด-19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีการฉีดสะสมจำนวน 16,427,059 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 12,714,312 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,712,747 ราย