วันนี้(1 ส.ค.64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) หรือ ศบค. เป็นประธานการประชุมครั้งที่ 11/2564 ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
เริ่มต้น นายกรัฐมนตรี ได้รายงานที่ประชุมให้ทราบถึงการเตรียมการรับวัคซีน สปุตนิก วี จากประเทศรัสเซีย โดยจะเร่งในเรื่องของเอกสารกับทางฝั่งบริษัทผู้ผลิต เพื่อนำมาเร่งฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์แพทย์ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าให้เร็วที่สุด
นอกจากนั้น นายกฯ กำชับเรื่องการใช้ Antigent test kit (ATK) ต้องรัดกุม และเชื่อมต่อข้อมูลกับทางโรงพยาบาลต่างๆ ที่สำคัญต้องควบคุมราคาให้มีความเหมาะสม และมีคุณภาพ ขณะที่สิทธิประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ให้มีการเบิกจ่ายให้เร็ว และกำลังพิจารณาสิทธิพิเศษหากจำเป็น
จากนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานสถานการณ์การติดเชื้อ โดยยกตัวอย่างในหลายประเทศ ยังสูงขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา ที่เชื้อสายพันธุ์เดลต้ากำลังระบาด
ส่วนในประเทศไทยมีการรายงานว่า ผู้ติดเชื้อในกทม. ตัวเลขเริ่มลดลง แต่ในส่วนของต่างจังหวัดกลับเพิ่มสูงขึ้น และภาพรวมประเทศไทยการติดเชื้อจะสูงอีก 1-2 เดือน โดยนายกฯ กำชับให้สื่อสารกับประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนกกับเชื้อสายพันธุ์เดลต้า
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่ประชุมได้พิจารณามาตรการ “ล็อกดาวน์” ที่ได้บังคับใช้ไปนั้น กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานตัวเลขคาดการณ์การล็อกดาวน์ มีประสิทธิภาพ 25% เป็นเวลานาน 2 เดือน พร้อมกับเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงอายุถึงเป้าหมายใน 1-2 เดือน ผู้ติดเชื้อจะไม่ถึงระดับ 15,000 คน แต่สถานการณ์จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น และยังมีตัวเลขคาดการณ์ด้วยว่า ถ้าการ “ล็อกดาวน์” มีประสิทธิภาพ 20% ผู้ติดเชื้อจะอยู่ระดับ 25,000-30,000 คนต่อวัน
มีข้อมูลว่า การระบาดในโรงงานสู่ชุมชนค่อนข้างสูง นายกฯ จึงสั่งการให้ตรวจเข้ม เพราะไม่ทำตามมาตรการบัลเบิ้ลแอนด์ซีล
อย่างไรก็ ตาม นายกฯ ยังระบุในที่ประชุมว่า เป็นห่วงเรื่องการระบาดโควิดในที่ชุมนุม