ภายหลังสื่อช่องดังรายงานข่าวว่า 7 คนไทย พลัดหลงไปยังฝั่ง สปป.ลาวขณะที่เข้าไปเก็บเห็ด ถูกทางการลาวควบคุมตัวกักตัว14 วัน และจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิดยี่ห้อไฟเซอร์และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งยังไม่รู้ว่าได้วัคซีนชนิดใด คนละ1 เข็ม
จนกลายเป็นกระแสใน โซเชียลมีเดียนำมาล้อเลียนว่า ชวนกันไปเก็บเห็ดได้ฉีดไฟเซอร์นั้น
ล่าสุด นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ยืนยันว่าการเข้าเมืองของ 7 คนไทยโดยผิดกฎหมาย ทางการลาวก็ดำเนินคดีจากที่คนไทยเดินพลัดหลงเข้าไปเพราะไม่มีเขตแดนที่ชัดเจน
เมื่อคนไทยทั้ง 7 ถูกควบคุมและนำไปดำเนินคดีและกักตัวจำนวน 14 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิดของสปป.ลาว ที่เมืองปทุมพร ที่เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก
ส่วนประเด็นที่โลกโซเชียลแชร์กันว่า 7 คนไทยถูกจับเมื่อกักตัวเสร็จแล้วก็จะฉีดวัคซีนให้กับคนไทย จากเอกสารจาก ที่ว่าการอำเภอสิรินธร ที่มีรายงานว่า 7 คนไทยที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเมื่อถูกดำเนินคดี และจะถูกกักตัว 14 หลังจากนั้นก็จะมีการฉีดวัคซีนป้องกัน 1 เข็มนั้น นายสฤษดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการสื่อสารโดยอ้างถึงแนวทางปฏิบัติกับคนลาวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
และเมื่อไทยส่งตัวกลับแล้ว ทางการลาวจะดำเนินคดี กักตัว 14 วัน แล้วก็จะฉีดวัคซีนให้ทางการลาวเท่านั้น ยืนยันว่าทางการลาวไม่มีการฉีดวัคซีนให้กับ 7 คนไทย
ส่วนที่มีการเอาไปกล่าวเล่นกันในโซเชียลกันสนุกปากว่า ไปเก็บเห็ดเขตลาวแล้วได้ฉีดวัคซีนนั้น อันนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ต้องขอร้องว่าไม่ควรเห็นเป็นเรื่องสนุก ทางการลาวถึงขั้นต้องเอาเรื่องเข้าพิจารณาในระดับแขวงซึ่งเขาไม่ตลกกับเราด้วย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ประเทศลาวก็ยังฉีดวัคซีนกันไม่ครบเลย ซึ่งพอมีข่าวแบบนี้ออกไป จะส่งผลให้คนที่ไทยที่ถูกควบคุมตัวอยู่ได้กลับตัวช้าอีก ยอมรับว่า ข่าวการฉีดวัคซีนให้คนไทยเริ่มมีกระทบมากขึ้น
โดยสรุปยืนยันว่า ทางการลาวไม่มีการฉีดวัคซีนให้กับ 7 คนไทย ขณะที่ทางเราเร่งมือในการประสานงานให้คนไทยกับบ้านโดยเร็ว เพราะมีคนไทย 1 รายที่มีโรคประจำตัวอยู่ ซึ่งเราได้ส่งข้อมูลให้ทางการลาวช่วยดูเป็นกรณีพิเศษ
และล่าสุดนายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า จากกรณีที่เป็นข่าวว่า สปป. ลาว ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้แก่คนไทยทั้ง 7 รายนั้น จากการตรวจสอบกับฝ่าย สปป. ลาว ปรากฎว่า ยังไม่มีการพิจารณาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้คนไทยทั้ง 7 ราย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนแต่อย่างใด
กระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ จะประสานงานกับแขวงจำปาสักในการให้ความช่วยเหลือ และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้คนไทยทั้ง 7 รายสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้โดยเร็ว