วันนี้(29 ส.ค.64) ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ริมชายหาดราไวย์ ใกล้กับชุมชนชาวเลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวเลราไวย์ที่มีพบตรวจเป็นบวก เพื่อนำตัวไปรับการรักษาตามกระบวนการ หลังจากเทศบาลตำบลราไวย์ ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลราไวย์, โรงพยาบาลฉลอง, โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกะรน ทำการตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยวิธี Antigen Test Kit (ATK) ให้กับกลุ่มเสี่ยงในชุมชนชาวเลราไวย์ จำนวน 369 คน แยกเป็นชาวเล จำนวน 365 คน และเมียนมาที่เป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ( HRC) จำนวน 4 คน
ทั้งนี้ จากการตรวจพบผู้มีผลบวกจำนวน 91 คน และเมื่อตรวจซ้ำรอบสองด้วย FIA พบเป็นบวก 88 คน แบ่งเป็นชาวเล 85 คน และชาวเมียนมา 3 คน ซึ่งทั้งหมดได้ส่งเข้ารับการรักษาตามกระบวนการเรียบร้อยแล้ว
นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกในชุมชนชาวเลราไวย์ ว่า เนื่องจากมีชาวเลป่วยไปพบแพทย์ และตรวจพบว่าเป็นโควิด-19 จำนวน 2 คน และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกจำนวนหนึ่ง
สอบถามทราบว่า ก่อนป่วยได้มีการเดินทางไปพบกับญาติที่ชุมชนชาวเลแหลมตุ๊กแก ทราบภายหลังว่าป่วยโควิด-19 จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ทำการตรวจคัดกรองคนในชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงซึ่งมีกว่า 300 คน เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกจากชุมชน เป็นการสกัดการแพร่ระบาดในชุมชน เนื่องจากอยู่กันค่อนข้างแออัด และมักจะมีการเดินทางไปมาหาสู่กับญาติที่อยู่ต่างชุมชนด้วย
หลังจากนี้ก็จะมีการตรวจคัดกรองเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะในชุมชนมีผู้อาศัยอยู่จำนวนประมาณ 2,000 คน ซึ่งอาจจะยังมีผู้ติดเชื้ออยู่ในชุมชน แต่ไม่แสดงอาการ เนื่องจากส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ส่วนจะมีการปิดชุมชนหรือไม่อย่างไรนั้นคงต้องขอรอดูการตรวจเชิงรุกในรอบที่ 2 ก่อนว่าเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 28 สิงหาคม 2564 ของจังหวัดภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อใหม่ 212 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในภูเก็ต 210 ราย และภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 2 ราย รวมผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 3,656 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 2,290 คน เสียชีวิตสะสม 19 ราย และยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 1,538 ราย
การพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เช่น ชุมชนแออัด แคมป์คนงาน ตลาดสด เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ป่วยสีเขียวไม่แสดงอาการ ซึ่งสถานการณ์จะเป็นอย่างนี้ต่อเนื่องอีก 1-2 สัปดาห์