วันนี้(30 ส.ค.64) ที่ศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน ริมถนนมิตรภาพ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ได้เดินทางมาแจกถุงกู้ภัยโควิด-19 จำนวน 10,000 ถุง ให้กับตัวแทนผู้นำชุมชนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อนำไปมอบต่อให้กับประชาชนในชุมชน โดยมีนายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีต รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคขาติพัฒนา, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกุล อดีตรมว.พลังงาน, นายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 2, นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา และสมาชิกพรรคชาติพัฒนา ร่วมมอบในครั้งนี้
ภายในถุงกู้ภัยโควิด-19 ประกอบด้วย ยาฟ้าทะลาย, เจลแอลกอฮอล์,หน้ากากอนามัย, บะหมี่มาม่า, ปลากระป๋อง และไข่ไก่
หลังจากนั้น คณะทั้งหมดได้เดินทางไปที่บริเวณแปลงปลูกผัก ตรงข้ามโรงเรียนสุรนารี 2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อร่วมกันปลูกต้นฟ้าทะลายโจร จำนวน 1,000 ต้น โดยแปลงปลูกผักแห่งนี้ ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้ร่วมมือกับเกษตรกรในพื้นที่ ปรับพื้นที่แปลงปลูกผักของเกษตรกรจำนวน 5 ไร่ ให้เป็นแปลงสาธิตในการปลูกต้นฟ้าทะลายโจร เพื่อนำไปใช้เป็นสมุนไพรต้านไวรัสโควิด-19
นายสุวัจน์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมานั้น ถือว่าสถานการณ์การระบาดเริ่มลดน้อยลง แต่ถึงอย่างไรก็ตามตนเองก็เชื่อว่าเราจะอยู่กับไวรัสโควิด-19 ไปอีกนาน ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องมาช่วยกันคิดบริหารทั้งเรื่องโควิด-19 และเศรษฐกิจ คู่กันไปทั้ง 2 เรื่อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งพรรคชาติพัฒนาก็ได้พยายามช่วยเหลือประชาชนทุกวิถีทาง
“อย่างเช่นวันนี้ ทางนายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ซึ่งเป็นทีมของพรรคชาติพัฒนา ก็ได้ดำเนินการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เพื่อเป็นแปลงสาธิตให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สามารถเข้ามาเรียนรู้ และนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดปลูกต้นฟ้าทะลายโจร เพื่อใช้เป็นยาสมุนไพรต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในยุคนี้”
นายสุวัจน์ ย้ำว่า เรื่องสาธารณสุขเราก็ดำเนินการกันไป แต่ปัญหาเศรษฐกิจจะทำยังไงที่เราจะทำการแก้ไขทั้งสองอย่างในลักษณะที่คู่ขนาน คือ ในด้านสาธารณสุขที่สามารถบริหารจัดการ เพื่อไม่ให้ผู้ที่ติดเชื้อ มีจำนวนมากไปกว่านี้ ที่ทางสาธารณสุขสามารถรองรับได้ ซึ่งตอนนี้เรามี รพ.สนาม และมีสถานที่กักตัว มี Home Isolation , มี Community Isolation ระบบต่างๆที่สามารถรองรับ ผู้ป่วยได้ ก็ถือว่าระบบสาธารณสุขมีเพียงพอและควบคุมการดูแลจำนวนผู้ป่วย
ขณะเดี่ยวกันภาคเศรษฐกิจและธุรกิจก็ยังสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ เพียงแต่มีมาตรการด้านสาธารณสุขควบคู่กับการบริหารธุรกิจในการดำเนินธุรกิจ
“ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมานึกถึงแผนเศรษฐกิจ หรือพิมพ์เขียว ว่าเราจะมีแผนเศรษฐกิจยังไง เพื่อนำมาปรับโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจ ครั้งใหญ่หลังจากสถานการณ์โควิด เพื่อรักษาประเทศไทย ให้มีขีดความสามารถในด้านการแข่งขัน รักษาระบบเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐธรรมนูญได้มีการพูดแผนยุทธศาสตร์ชาติ ควรที่จะนำมาดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องและเพื่อจะมาเยี่ยวยา อันนี้ ต้องนำมาพูดคุยและวางแผน" นายสุวัจน์ กล่าว