จากกรณีที่มติคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เมื่อ 30 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจากกองทุนผู้สูงอายุ
ล่าสุดวันนี้ 3 ก.ย. กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้เติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ จำนวน 4.7 ล้านคน ตามอัตราการจ่ายเดิมดังนี้
1. ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 100 บาทต่อเดือน
2.ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 50 บาทต่อเดือน โดยจะจ่ายย้อนหลัง ดังนี้
ก่อนหน้านี้ นางแก้วกาญจน์ วสุพรพงศ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง และ ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจากกองทุนผู้สูงอายุ โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่ในการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ตามอัตราการจ่ายเดิม คือ ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 100 บาทต่อเดือน และผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 50 บาทต่อเดือน
“สำหรับเงื่อนไขของผู้มีสิทธิ จะต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ก่อนเดือนที่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์ฯ โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ในวันที่ 3 กันยายน 2564 ซึ่งวงเงินดังกล่าว สามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” ที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว
วันที่ 1 ก.ย. โอนเงินแล้วดังนี้
รายการที่หนึ่ง
รายการที่สอง
ที่มา: กรมบัญชีกลาง