พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยบริการฉีดวัคซีนไทยร่วมใจอยู่ระหว่างการบริการวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 แก่ประชาชน จนถึงวันที่ 4 ก.ย.64 เมื่อให้บริการจนครบแล้วจะสำรวจจำนวนวัคซีนอีกครั้ง ซึ่งหากมีวัคซีนเหลือเพียงพอจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนผ่านโครงการ"ไทยร่วมใจฯ"ในระยะต่อไปทันที
"เรากำลังสำรวจจำนวนวัคซีนที่จะเหลือ ส่วน 25 หน่วยฉีด ก็ยังคงพร้อมร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการให้บริการวัคซีนกับประชาชนต่อเนื่องเช่นกัน"
สำหรับการให้วัคซีนผ่านโครงการไทยร่วมใจฯ เป็นการให้บริการผ่าน“หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ทั้ง 25 แห่ง โดยมีความพร้อมในการให้บริการแต่ละศูนย์ฉีด ได้วันละ 50,000 โดส และ สามารถฉีดได้สูงสุดถึงวันละ 71,789 โดส
ทั้งนี้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 จนถึงปัจจุบัน ได้ให้บริการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า AstraZeneca เข็ม 1 และเข็ม 2 รวมทั้งสิ้น 1,479,589 โดส และตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. - 21 ส.ค. 64 ให้บริการเฉพาะการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็ม 1 รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,361,511 โดส แบ่งเป็น 1. ผู้ที่มีอายุ 18 - 59 ปี จำนวน 1,045,219 โดส และ2. ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 316,292 โดส โดยฉีดได้สูงสุดในวันที่ 27 ส.ค. ฉีดได้ 71,789 โดส
ในส่วนของการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็ม 2 ให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. - 1 ก.ย.64 รวมทั้งสิ้น 79,567 โดส ซึ่งตามกำหนดจะฉีดถึงวันที่ 20 พ.ย. 64
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและกรุงเทพมหานคร ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้โครงการนี้สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างดี ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่งขนาดใหญ่ ธนาคาร และสถานศึกษา ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์สถานที่และอาสาสมัครมาช่วยงาน โรงพยาบาลทั้ง 19 โรงพยาบาล ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งบุคลากรทางการแพทย์มาช่วยสนับสนุนการฉีดวัคซีน
รวมไปถึงการให้คำแนะนำที่ถูกต้องในเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน หน่วยงานที่ดูแลระบบไทยร่วมใจและรับลงทะเบียนทั้งธนาคารกรุงไทย ไอบีเอ็ม และร้านสะดวกซื้อ และเครือข่ายมือถือที่ให้บริการ Call Center ทั้ง TRUE AIS DTAC ขณะนี้ทั้ง 25 หน่วยฯ อยู่ระหว่างการให้บริการวัคซีน เข็มที่ 2 แก่ประชาชน
นางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาเป้าหมายและความจำเป็นเร่งด่วนคือการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพอย่างปลอดภัยที่สุด และที่สำคัญให้ประชาชนได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด เพื่อลดการแพร่ระบาด ให้ประเทศและธุรกิจกลับมาดำเนินได้ตามปกติอีกครั้ง
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไอบีเอ็ม ในฐานะที่ดูแลเรื่อง IT Operations ได้ทำงานร่วมกับทีมจากธนาคารกรุงไทยที่ทำระบบการจองวัคซีนและระบบบริหารจัดการ รวมถึงจิตอาสาตัวแทนจากทุกองค์กรที่มีความสามารถหลากหลาย เข้ามาทำหน้าที่ช่วยบริหารจัดการศูนย์ฉีดทั้ง 25 แห่งให้ออกมาดีที่สุด มีการเว้นระยะห่างที่เหมาะสม และประชาชนได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็วที่สุด
"ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำให้โครงการไทยร่วมใจสามารถจัดฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้อย่างราบรื่น สำหรับประชาชนที่ได้รับนัดหมายฉีดวัคซีน เข็ม 2 แต่ไม่สะดวกในวันที่นัดหมาย สามารถเดินทางมารับวัคซีนได้จนถึงวันที่ 4 ก.ย.นี้ ณ หน่วยฉีดซึ่งได้จองคิวไว้ในระบบ"
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยได้พัฒนาระบบลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ไทยร่วมใจ.com ประชาชนทั่วไปที่ไม่เคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการภาครัฐ และพัฒนาระบบลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับประชาชนที่เคยเข้าร่วมโครงการภาครัฐมาแล้ว ซึ่งสะดวก รวดเร็ว เพราะมีข้อมูลอยู่ในระบบแล้ว จึงไม่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวเพิ่ม
สำหรับโครงการไทยร่วมใจฯ นับเป็นโครงการตัวอย่าง ที่ภาครัฐได้ต่อยอดจากการนำเทคโนโลยี และดิจิทัลแพลตฟอร์มมาใช้ในการจัดทำโครงการช่วยเหลือและเยียวยาประชาชน ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งเป็น Open platform เปิดให้ทุกคนมาใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีกรุงไทย ทำให้การลงทะเบียนโครงการไทยร่วมใจฯ เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และช่วยให้ภาครัฐใช้ประโยชน์จากข้อมูลการลงทะเบียน สำหรับการจัดทำโครงการอื่นๆ ในอนาคต
ขณะที่การให้บริการวัคซีนโควิดของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-1 ก.ย.64 จากเป้าหมาย 7,699,174 คน มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 7,059,354 คน (คิดเป็นร้อยละ 91.69) ครบ 2 เข็ม จำนวน 1,888,7779 คน (คิดเป็นร้อยละ 24.53)
โดยกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีน ประกอบด้วย