วันที่ 5 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ AstraZeneca จากฮังการี จำนวน 400,000 โดส
พร้อมอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้ลงนามในร่าง Bilateral Agreement ระหว่างฮังการีกับไทย และร่าง Tripartite Agreement ระหว่างฮังการี ไทย และ AstraZeneca
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การจัดซื้อวัคซีนจากฮังการี จะมีการลงนามในร่าง Bilateral Agreement ระหว่างฮังการีและไทย สาระสำคัญของร่างประกอบไปด้วย
“การจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมเป็นไปตามแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ครบ 126.2 ล้านโดส มั่นใจว่าปีนี้จะสามารถฉีดวัคซีนให้ได้อย่างร้อยละ 70 ของประชากรกลุ่มเป้าหมายภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยในวันพรุ่งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะร่วมงานฉีดวัคซีน Pfizer ให้กับเด็ก/เยาวชน ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี กรุงเทพมหานคร เพื่อเร่งสร้างความมั่นใจในการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 อีกด้วย”
นายธนกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ยังมีมติเห็นชอบรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากไอซ์แลนด์และเยอรมนี โดยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่าง Donation Agreement – Delivered Doses ระหว่างไอซ์แลนด์กับไทย พร้อมลงนามในร่าง Tripartite Agreement ระหว่างฮังการี ไทย และบริษัท AstraZeneca และร่าง Bilateral Agreement ระหว่างเยอรมนีกับไทย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า ไอซ์แลนด์มีความประสงค์ที่จะให้การสนับสนุนบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ให้กับไทย โดยจะบริจาควัคซีน Pfizer จำนวน 100,000 โดส โดยรมว.สธ. จะเป็นผู้ลงนามในร่าง Donation Agreement – Delivered Doses ระหว่างไอซ์แลนด์กับไทย ซึ่งจะดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
พร้อมกันนี้ เยอรมนีจะให้การสนับสนุนบริจาควัคซีน AstraZeneca จำนวน 346,100 โดส โดยให้ รมว.สธ. เป็นผู้ลงนามในร่าง Bilateral Agreement ระหว่างเยอรมนีกับไทย และร่าง Tripartite Agreement ระหว่าง เยอรมนี ไทย และบริษัท AstraZeneca ด้วย
“ไอซ์แลนด์และเยอรมนีคาดว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้สามารถกระจายการฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ การได้รับสนับสนุนบริจาควัคซีนสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการเจรจาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมของประเทศไทย และความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรไมตรีระหว่างสหภาพยุโรปอีกด้วย” นายธนกรฯ กล่าว