หนึ่งในโครงการพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 จากพระราชกรณียกิจกว่า 4,000 โครงการ คือ โครงการพระราชดำริด้านสมุนไพร พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในด้านสมุนไพรไทย ที่ได้ใช้ประโยชน์มาเป็นเวลานานตั้งแต่อดีต จึงทรงมีพระราชดำริว่าควรจะต้องมีการส่งเสริมการใช้และพัฒนาสมุนไพรเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยพระองค์ได้ทรงดำเนินการเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
พญ.โศรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงสนพระราชหฤทัยเรื่องการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคมาก โดยมีการจัดตั้งสวนสมุนไพร และให้มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนทางด้านการแพทย์แผนไทย
ในส่วนของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่น้อมนำแนวพระราชดำริของพระองค์ มาเป็นแนวทางในการวิจัย และพัฒนาศักยภาพของสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับและเป็นที่นิยม โดยในขณะนี้มีสมุนไพรที่ได้รับการบรรจุเข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้วจำนวน 93 ชนิด ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนทำตามปณิธานของพระองค์ท่าน คือ ส่งเสริม สนับสนุน การใช้สมุนไพรเพื่อคนไทยและเพื่อมวลมนุษยชาติ
“ประเทศไทยซึ่งมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย มีสมุนไพรมากกว่า 20,000 ชนิด แต่เอามาใช้จริงประมาณ 1,800 ชนิด และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจริงๆ ประมาณ 200-400 ชนิด ทั้งนี้จากการคาดการณ์เมื่อปี 2560 ว่าภายในปี 2564 ตลาดสมุนไพรจะมีมูลค่าสูงถึง 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 4,024,425 ล้านบาท)
และจากการแพร่ระบาดของโควิด ก็เป็นตัวเร่งให้สมุนไพร โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร เป็นที่ต้องการอย่างสูงทั้งในและต่างประเทศ แต่ด้วยความต้องการมีมาก จึงสามารถช่วยเหลือได้เฉพาะประชากรในประเทศไทยเท่านั้น และเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า สมุนไพรไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก” ผอ.รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าว
พญ.โศรยา กล่าวว่า จ.ปราจีนบุรี ในฐานะเป็นเมืองสมุนไพร โดยมีโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นองค์กรขับเคลื่อนนั้น ขณะนี้มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันอยู่หลายชนิด เป็นเสมือนห้องรับแขกของอาเซียนมาหลายปี โดยยึดหลักพอประมาณ กระจายความเสี่ยง พัฒนาจากรากฐานของเรา เชื่อมโยงกับซัพพลายเชนทั้งระบบ
"รู้ว่าตลาดต้องการอะไร มีงานวิจัยรองรับ เน้นเรื่องของคุณธรรม เป็นมรดกที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 มอบให้แผ่นดินไทย อันจะนำไปสู่ความยั่งยืนของไทยและของโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จะยึดถือและปฏิบัติตลอดไป"