การประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือ ศบค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็นประธานวันนี้(14 ต.ค.2564) กระทรวงสาธารณสุขจะเสนอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณา การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 หรือวัคซีนสูตรไขว้ แอสตร้าเซนเนก้า ตามด้วยไฟเซอร์
ก่อนหน้านี้นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ระบุว่า วัคซีนสูตรไขว้ แอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรกตามด้วยไฟเซอร์เข็มที่ 2 เป็นสูตรที่ใช้ได้ในกรณีจำเป็น ซึ่งวัคซีนทุกสูตรที่ประกาศใช้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการวิชาการแล้วว่ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ส่วนการจะฉีดวัคซีนสูตรใดขึ้นกับการบริหารจัดการวัคซีนที่มีในช่วงเวลานั้น แต่ไม่ว่าฉีดสูตรใดยังต้องป้องกันตนเองขั้นสูงสุด
หากที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ อนุมัติตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ก็จะทำให้ประเทศไทยมีการใช้วัคซีนสูตรไขว้สูตรที่ 2 เพื่อป้องกันโรคโควิด-19
อย่างไรก็ตามสูตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เป็นสูตรหลัก ยังเป็นสูตรไขว้วัคซีนซิโนแวคเข็มแรก และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยยังมีวัคซีนซิโนแวคอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป 3-6 เดือน ภูมิคุ้มกันของวัคซีนทุกชนิดจะลดลง ขณะนี้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มเมื่อต้นปี ทยอยได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 แล้ว ส่วนประชาชนที่รับวัคซีนสูตรไขว้ยังคงมีภูมิคุ้มกันสูงอยู่ เนื่องจากระยะเวลายังไม่ถึง 3 เดือน ดังนั้นจะมีการพิจารณาการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในภายหลัง
ผลวิจัยการฉีดวัคซีนสูตรไขว้คซีนแอสตร้าเซนเนก้าตามด้วยไฟเซอร์จากคณะกรรมการวัคซีนแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (STIKO) ระบุว่าการฉีดวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก แล้วตามด้วยวัคซีน ไฟเซอร์ ที่เป็น mRNA จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้ดี และดีกว่าการฉีด วัคซีน แอสตร้าเซนเนก้าทั้ง 2 เข็ม
นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายประเทศในแถบยุโรปที่เปลี่ยนจากการฉีด แอสตร้าเซนเนก้า2 เข็ม มาฉีดวัคซีน mRNA ให้กับประชาชนเป็นเข็มที่ 2 แทน ด้วยเหตุผลความกังวลเรื่องลิ่มเลือดอุดตัน จึงอาจกล่าวได้ว่า การฉีดวัคซีนสูตรผสมระหว่าง แอสตร้าเซนเนก้า+ไฟเซอร์ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดจากการฉีดวัคซีนลงได้