15 ต.ค.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ ช่วงหนึ่งสรุปรายงานการปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ว่า การปรับระดับสี พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม จาก 29 จังหวัดกลายเป็น 23 จังหวัด จะมีผล 16 ตุลาคม 2564 มี 2 จังหวัดใหม่ที่เพิ่มเข้ามา คือ จันทบุรีและนครศรีธรรมราช
ในส่วนที่เคยเป็นสีแดงเข้ม ปรับลดลงไปเป็นสีแดง คือ กลายเป็นควบคุมสูงสุดได้แก่ นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง และเพชรบูรณ์ ยังจังหวัดที่ปรับลด ก็ยังต้องกำชับมาตรการอย่างเข้มงวด
ในส่วนของข้อกำหนดฉบับที่ 24 ข้อที่ 5 มีการระบุไว้ชัดเจนว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด รวมทั้งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด มีอำนาจในการปรับพื้นที่ให้เข้มกว่าที่ศบค.ประกาศได้ ตรงนี้จะเห็นได้จาก บางจังหวัดมีการติดเชื้อในลักษณะเป็นบางอำเภอ ยกตัวอย่างเช่น
จังหวัดตาก มี 9 อำเภอ ทางจังหวัดสามารถที่จะปรับอำเภอแม่สอด ให้กลายเป็นเข้มงวดสูงสุดได้ หรือนครราชสีมา ก็อาจจะปรับให้อำเภอเมืองและอำเภอปากช่อง ยังคงเป็นพื้นที่สีแดงเข้มอยู่ โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด สามารถปรับเป็นพื้นที่สีแดงเข้มกว่าที่ศบค.ประกาศได้ แต่ไม่สามารถปรับลดพื้นที่ได้
การปรับมาตรการพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.2564) สรุปให้เห็นภาพ ดังนี้
ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดประชุมนิทรรศการ รวมถึงสถานที่ลักษณะเดียวกันในห้างสรรพสินค้า และโรงแรม
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการต้องมีการตรวจสอบ และปรับปรุง ระบบหมุนเวียนอากาศ รวมทั้งการจัดสถานที่ให้เป็นไปตามมาตรการ COVID Free Setting ก่อนเปิดทำการ