วันนี้(25 ต.ค.64) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด “สายพันธุ์เดลต้าพลัส” 1 ราย เป็นชายอายุ 49 ปี มีประวัติการทำงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเชื้อของผู้ป่วยรายดังกล่าว ตรวจพบจากการศึกษาวิจัยแพทย์ทหารบก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยเชื้อ “เดลต้าพลัส” ยังอยู่ในการจับตาเฝ้าระวังในประเทศไทย เนื่องจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าพลัส แพร่เชื้อได้ง่ายกว่า โควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า
ขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตามองการระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยสายพันธุ์เดลต้าพลัสที่ประเทศอังกฤษ ขณะนี้พบผู้ป่วยสายพันธุ์ดังกล่าวแล้วร้อยละ 6 ของจำนวนผู้ป่วยที่พบในประเทศอังกฤษ
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศ มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งจำนวนผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตลดลง รวมไปถึงในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็มีแนวโน้มลดลง โดยยังคงเป็นห่วงการระบาดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเข้มใน จังหวัดนครศรีธรรมราช ตาก ระยอง และ จันทบุรี โดยพบว่าจังหวัดดังกล่าวมีแนวโน้มผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเจอกลุ่มก้อนที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และขอนแก่น
สำหรับผู้ติดเชื้อที่พบเป็นกลุ่มก้อนใน วันที่ 25 ตุลาคม เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 15 ราย ในเรือนจำและทัณฑสถานจังหวัดตรัง 163 ราย โรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 31 ราย กรมแรงงานในจังหวัดแม่ฮ่องสอน 3 ราย ชุมชนตลาดในจังหวัดลพบุรี 30 ราย เชียงใหม่ 119 ราย เพชรบุรี 10 ราย และแคมป์ก่อสร้างจังหวัดเชียงใหม่ 4 ราย
นอกจากนี้กรมควบคุมโรค ได้ทำการสำรวจกลุ่มก้อนที่ไปงานศพตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-19 ต.ค.2564 พบผู้ป่วยจำนวน 747 ราย ส่วนกลุ่มที่พบ มากที่สุดคือ ขอนแก่น รองลงมาชัยภูมิ นครศรีธรรมราช อุดรธานี จันทบุรี
ขณะที่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดในกิจกรรมงานศพ คือการรับประทานอาหารร่วมกัน การดื่มสุราร่วมกันและใช้แก้วน้ำแบบวง การสวมใส่หน้ากากอนามัยผิดวิธี หรือไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย การพนันภายในงาน นอกจากนี้ขอให้ประชาชนสังเกตตัวเองหากมีอาการป่วยแม้เพียงเล็กน้อยไม่ควรมาร่วมงาน
ด้านภาพรวมการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด 70,590,025 โดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 ร้อยละ 55.5 เข็มที่ 2 ร้อยละ 39.4 และเข็มที่ 3 ร้อยละ 3 สำหรับการฉีดวัคซีนกรุงเทพฯ มีการฉีดวัคซีนเกินร้อยละ 100 รองลงมาคือ ภูเก็ตร้อยละ 82.7