ฟรังซัวส์ บัลโล ผู้อำนวยการ สถาบันพันธุศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน (University College London Genetics Institute) ได้ทวีตข้อความเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 ต.ค.) ระบุว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับ ไวรัสเดลต้า AY.4.2 ที่บ่งชี้ว่ามันอาจจะแพร่กระจายหรือติดต่อได้มากกว่าเดลต้าสายพันธุ์ดั้งเดิมของอังกฤษ หรือสายพันธุ์ AY.4 ถึง 10% “ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องที่น่าจะต้องเฝ้าจับตา”
ข้อมูลของสาธารณสุขอังกฤษที่รวบรวมจนถึงวันที่ 27 ก.ย. 2564 ชี้ว่า เมื่อมีการตรวจหาเชื้อโควิดในผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อรายใหม่พบว่า 6% เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์ AY.4.2 แต่นั่นก็เป็นเพียงตัวเลขประมาณการณ์และอาจยังไม่แม่นยำเพราะเป็น
เรื่องยากที่จะติดตามแยกแยะการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค
ด้านนายแพทย์สกอตต์ ก็อตลี้บ อดีตประธานคณะกรรมการสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลในขณะนี้ แต่ก็จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัย “เป็นการด่วน” เพื่อหาคำตอบว่า จริง ๆ แล้วมันติดต่อได้ไวกว่าเดิมหรือไม่ ดื้อวัคซีนหรือไม่ สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของร่างกายเราที่วัคซีนสร้างขึ้นหรือเปล่า
“เรามีเครื่องมือ จึงควรทำงานให้ไวขึ้นเพื่อจำแนกแยกแยะบรรดาไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่ ๆ” นายแพทย์ก็อตลี้บระบุ พร้อมเรียกร้องการทำงานประสานกันในระดับนานาชาติ
ขณะที่นายแพทย์เจฟฟรีย์ บาร์เร็ต หัวหน้าคณะนักวิจัยพันธุกรรมจากสถาบัน Wellcome Trust Sanger Institute กล่าวว่า AY.4.2 เป็นสายพันธุ์ย่อยของไวรัสโควิดเดลต้าสายพันธุ์เดียวที่มีการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศอังกฤษในขณะนี้ และอาจจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักเหมือนกับที่ไวรัสเดลต้าสายพันธุ์ดั้งเดิมที่ติดต่อได้ไวขึ้น 60% สามารถเข้ามาแทนที่ไวรัสโควิดสายพันธุ์อัลฟาที่แพร่ระบาดก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่า AY.4.2 อาจจะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์ดั้งเดิมในอัตราที่ช้ากว่า (เมื่อเทียบกับตอนที่เดลต้าดั้งเดิมเข้าแทนที่สายพันธุ์อัลฟา) นอกจากนี้ ยังไม่มีการตรวจพบ AY.4.2 ในประเทศอื่นๆ มากนัก เท่าที่มีรายงานแจ้งเข้ามา นอกจากในอังกฤษแล้ว มีเพียง 3 รายที่ตรวจพบในสหรัฐอเมริกา และมีการตรวจพบในเดนมาร์กแต่ก็ยังไม่มากเช่นกัน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Scripps Research's Outbreak.info ซึ่งรายงานเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของไวรัส ระบุว่า ในทุกๆเดือนจะมีการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 เกิดเป็น 2 สายพันธุ์ใหม่ และขณะนี้ก็มีไวรัสโควิดเดลต้าถึง 56 สายพันธุ์ย่อยแล้ว
AY.4.2 มีการกลายพันธุ์ใน 2 จุดที่เป็นโปรตีนตรงส่วนหนาม (spike protein) บนผิวของไวรัส ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการนำเชื้อโรคเข้าสู่เซลล์ร่างกายของมนุษย์ แต่ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดว่า การกลายพันธุ์ดังกล่าวส่งผลต่อการแพร่กระจายของไวรัสอย่างไร
ข้อมูลอ้างอิง