หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์ราคาน้ำมัน 4 พฤศจิกายน 2564
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่า 3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ต.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 0.2 ล้านบาร์เรลต่อวันจากสัปดาห์ก่อนหน้า
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศลดวงเงินในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนสิ้นสุดมาตรการในกลางปี 2565 อย่างไรก็ตาม FED ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม
+/- จับตาการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส ในวันพฤหัส ที่ 4 พ.ย. 64 นี้ว่ากลุ่มผู้ผลิตจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่า 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามข้อตกลงเดิมหรือไม่ หลังหลายประเทศนำโดย สหรัฐฯ อินเดีย และญี่ปุ่นออกกดดันให้ทางกลุ่มเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นเพื่อชะลอความร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากอุปทานในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากอินเดียและจีน อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากตลาดน้ำมันเบนซินสหรัฐฯ ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ในภูมิภาคที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่อุปทานอยู่ในระดับจำกัด หลังจีนมีแนวโน้มปรับลดการส่งออกลง
ที่มา : บมจ.ไทยออยล์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ปิดที่ 80.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 2564
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 2.73 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 81.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2564