นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 สายพันธุ์ โอมิครอน Omicron ว่า ขณะนี้ทั่วโลกพบรายงานสายพันธุ์ โอมิครอน Omicron แล้ว 89 ประเทศ โดยมี 3 สายพันธุ์ย่อย ส่วนใหญ่ยังเป็น BA1 กว่า 6 พันราย BA2 พบ 18 ราย และ BA3 พบ 5 ราย
ขณะเดียวกันมีการศึกษาจากต่างประเทศเกี่ยวกับค่า RO หมายถึงผู้ป่วยหนึ่งคนจะแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้กี่คน พบว่า สายพันธุ์อู่ฮั่นอยู่ที่ 2.5 สายพันธุ์ เดลต้า Delta 6.5 และ โอมิครอน Omicron 8.54 ซึ่งเร็วกว่า เดลต้า Delta
ส่วนความรุนแรงนั้นข้อมูลจากแอฟริกาใต้พบว่าการระบาดเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว แต่อัตราการนอนโรงพยาบาล ป่วยหนักและเสียชีวิตยังไม่เพิ่มขึ้น ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า โอมิครอน Omicron อาจกระทบต่อประสิทธิผลของวัคซีน แต่ไม่กระทบต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทั้งชนิด T Cell และชนิด B Cell
นพ.ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า การฉีดเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลของวัคซีน ซึ่งประเทศไทยรณรงค์ให้รับวัคซีนเข็ม 3 ถือเป็นนโยบายที่ถูกต้อง โดยขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังเพาะเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน Omicron เพื่อนำมาทดสอบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนสูตรต่าง ๆ ว่ายับยั้งได้มากน้อยเพียงใด คาดว่าจะทราบผลช่วงปีใหม่นี้
สำหรับการตรวจสายพันธุ์โควิดช่วงระหว่างวันที่ 11-19 ธันวาคม 2564 จำนวน 1,595 ตัวอย่าง ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์เดลต้า Delta 1,541 ตัวอย่างคิดเป็น 6.61%, อัลฟ่า Alfa 1 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.06%, เบต้า Bata 1 ตัวอย่าง คิดเป็น 0.06% และ โอไมครอน Omicron 52 ตัวอย่าง คิดเป็น 3.26%
เมื่อรวมกับผลตรวจก่อนหน้านี้ พบโอมิครอน Omicron แล้ว 63 ราย ตรวจยืนยันแล้ว 20 ราย ถือว่าพบการติดเชื้อโอมิครอน Omicron ค่อนข้างเร็วสอดคล้องกับสถานการณ์โลก และการติดเชื้อในผู้เดินทางเข้าประเทศทุกระบบ เป็นโอมิครอน Omicron 25% โดยพบ 1 รายในระบบ Test&Go ที่ผล RT-PCR ก่อนมาไทย 72 ชั่วโมงเป็นลบ เมื่อมาถึงประเทศไทยตรวจอีกครั้งยังเป็นลบ หลังจากนั้น 2-3 วันพบว่าป่วย และเป็นสายพันธุ์ โอมิครอน Omicron ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องจากยังอยู่ในช่วงระยะฟักตัว