รายงานข่าวระบุว่า รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
23 ธันวาคม 2564 ทะลุ 277 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 828,916 คน ตายเพิ่ม 6,743 คน รวมแล้วติดไปรวม 277,420,699 คน เสียชีวิตรวม 5,392,089 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุด ยังคงเป็นเช่นเดิมคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน และเยอรมัน
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็น 90.95% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 94.48%
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็น 56.01% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 55.7%
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 2,532 คน สูงเป็นอันดับ 37 ของโลก
หากรวม ATK อีก 788 คน ก็ขยับเป็นอันดับ 32 ของโลก
ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 6 ของเอเชีย
ภาพรวมการระบาดของ Omicron (โอมิครอน)
อเมริกาติดเชื้อใหม่สูงถึง 202,277 คน ถือว่าเกินสองแสนต่อวันเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการระบาดของ Omicron ซึ่งตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักไปแล้วภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์
ในขณะที่สหราชอาณาจักร ทะลุแสนคนต่อวันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เคยมีการระบาดของโรคโควิด-19 มาตลอดสองปี เมื่อวานติดไปถึง 106,122 คน คิดเป็น 156% ของปลายปีก่อน
ส่วนฝรั่งเศสและสเปนก็ทำ New High ตั้งแต่เคยระบาดมาเช่นกัน ด้วยยอด 84,272 และ 60,041 คนตามลำดับ
ในแง่ของความรุนแรงของ Omicron ที่ทำให้ติดเชื้อแล้วป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลนั้น ตอนนี้มีการศึกษาเบื้องต้นจากแอฟริกาใต้ อังกฤษ และสก๊อตแลนด์ ที่ชี้ให้เห็นว่า ดูจะมีแนวโน้มที่ความรุนแรงจะน้อยกว่าเดลต้าราว 30-70% หากเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนหรือเคยติดเชื้อมาก่อน โดยพิจารณาจากเรื่องอัตราการนอนโรงพยาบาลและระยะเวลานอนโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามนี่เป็นการศึกษาที่สังเกตจากช่วงต้นของการระบาด ยังจำเป็นต้องติดตามภาพรวมจากประเทศอื่นทั่วโลก และใช้เวลาติดตามนานกว่านี้ด้วยเพื่อให้มีความแม่นยำขึ้น
ทั้งนี้หากเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ป่วย และเสียชีวิตย่อมสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีน และไม่ว่าจะสายพันธุ์ใดก็ย่อมทำให้เสี่ยงสูงทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะอย่างไร การที่ Omicron ติดเชื้อแพร่เชื้อได้ไวขึ้นกว่าเดลตาถึง 4.1 เท่า หรือ 410% ของเดลตา แม้ความรุนแรงที่จะทำให้ป่วยรุนแรงหรือตายลดลงไปครึ่งหนึ่ง จำนวนของผู้ติดเชื้อ Omicron นั้นจะสูงขึ้นพรวดพราดอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้มีการป่วยการเสียชีวิตที่สูงเท่ากับหรือมากกว่าเดิมได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้ประเทศต่างๆ กังวลอย่างมาก
สำหรับไทยเรา
เป็นไปตามที่ได้เคยเตือนไว้ว่า ตามธรรมชาติของการระบาดและเงื่อนเวลาที่จะสังเกตเห็นผลจากการประกาศนโยบายเปิดรับความเสี่ยงเรื่องรับนักท่องเที่ยวและคนเดินทางจากต่างประเทศเข้ามาตั้งแต่พฤศจิกายน เราจะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนได้ตั้งแต่หลังสัปดาห์ที่สามของธันวาคม...ซึ่งตอนนี้ก็คงเห็นกันแล้ว
เดิมพันในการควบคุมป้องกันการระบาดที่กำลังปะทุครั้งนี้ ยังยืนยันเช่นเดิม
หนึ่ง ระบบการกักตัว 14 วัน และตรวจ RT-PCR อย่างน้อย 2 ครั้ง จำเป็นต้องทำอย่างเคร่งครัด หากผันไปใช้ ATK หรือย่อหย่อนไม่กักตัว หรือตรวจ RT-PCR น้อยครั้งลง ความเสี่ยงที่จะหลุดและส่งผลกระทบวงกว้างต่อสังคมย่อมเกิดขึ้นแน่ ดังที่เห็นว่าเกิดขึ้นไปแล้ว และย้อนเวลากลับคืนไม่ได้
การหวังโกยเงินเพื่อเศรษฐกิจโดยที่ระบบป้องกันไม่แข็งแรงพอ จะกลายเป็น"เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"
สอง จำเป็นต้องเตรียมระบบการตรวจคัดกรองโรคเพื่อให้บริการแก่ประชาชน โดยมีศักยภาพในการตรวจจำนวนมากและต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกพื้นที่ เข้าถึงได้ง่าย ไม่ติดกฎเกณฑ์หยุมหยิม และฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อจะสามารถรับมือการระบาดได้ทัน
สาม วัคซีนต้องมีประสิทธิภาพ และมีความเพียงพอ จุดนี้แล้ววัคซีนหลักควรใช้วัคซ๊นที่มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น mRNA vaccines ไม่ว่าจะเป็น Pfizer/Biontech หรือ Moderna ยกเว้นคนที่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้ได้
นอกจากนี้เข็มกระตุ้นก็จำเป็นต้องเป็น mRNA vaccines เช่นกัน
สี่ จำเป็นต้องกระตุ้นเตือนให้ประชาชนมีความตระหนักถึงอันตรายจากภาวะคุกคามนี้ ให้มี harm perception ที่ถูกต้อง ไม่ใช่ปลอบประโลมจนเคลิ้มว่าธรรมดา กระจอก เอาอยู่ ปลอดภัย ทั้งๆ ที่สถานการณ์ภาพรวมทั่วโลกและข้อมูลวิชาการชี้ไปคนละทาง
และสุดท้ายคือ ประชาชนทุกคน รวมถึงภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เล็ก กลาง ใหญ่ นายจ้าง ลูกจ้าง และลูกค้า ต้องป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด
ใส่หน้ากากเสมอ สองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า
เว้นระยะห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร
หากไปที่ใด หรือทำงานที่ใด แล้วพบคนที่ไม่ป้องกันตัวเอง ต้องตักเตือน หรืองดเว้นการให้บริการ และบังคับใช้กฎระเบียบตามที่หน่วยงานรัฐกำหนด
เลี่ยงการตะลอนท่องเที่ยว
เลี่ยงปาร์ตี้สังสรรค์คริสมาสและปีใหม่ ฉลองกับคนในครอบครัวที่บ้าน จะปลอดภัยกว่า
รัฐควรยกเลิกการจัดงานปีใหม่ เพื่อปกป้องรักษาชีวิตคนของเรา