เกาะติด “โควิดโอมิครอน” ล่าสุดโควิดวันนี้ 17 ม.ค.65 ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6,929 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 13 คน หายป่วยเพิ่ม 5,255 ราย ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสม(ตั้งแต่ 1 ม.ค.65) 107,979 ราย ติดเชื้อเข้าข่าย/ATK 1,740 ราย
โดย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช เผยผลการวิจัยเบื้องต้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันชนิด PVNT50 ต่อสายพันธุ์โอมิครอน ดังนี้
Sinovac หลังฉีดซิโนแวคสองเข็มมาแล้ว 12 สัปดาห์ เมื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย
- วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=170
- วัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโดส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=551
- วัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=543
AstraZeneca หลังฉีดแอสตร้าสองเข็มมาแล้ว 12 สัปดาห์ เมื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย
- วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=3
- วัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโดส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=232
- วัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=521
การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันชนิด PVNT50 ต่อสายพันธุ์โอมิครอน ในวัคซีนสูตรไขว้
Sinovac-AstraZeneca หลังฉีดซิโนแวคเข็มที่ 1 และฉีดแอสตร้าเซเนก้าเข็มที่ 2 มาแล้ว 12 สัปดาห์ เมื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วย
- วัคซีนไฟเซอร์ครึ่งโดส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=204
- วัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส จะได้ภูมิคุ้มกันต่อโอมิครอน=150
สรุป
- หลังฉีดวัคซีนสองเข็มไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตาม
- ควรกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อให้ภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สำหรับป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน
- กระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ทั้งครึ่งโดสและเต็มโดส ให้ระดับภูมิคุ้มกันได้ดีต่อสายพันธุ์โอมิครอน
- หากได้แอสตร้าเซนเนก้ามาแล้วสองเข็ม ควรกระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์เท่านั้น
ที่มา : Siriraj Institute of Clinical Research