รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ (หมอธีระ) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat (ป๊ามี้คีน)" โดยมีข้อความว่า
26 มกราคม 2565 ทะลุ 358 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 3,001,336 คน ตายเพิ่ม 8,416 คน รวมแล้วติดไปรวม 358,670,890 คน เสียชีวิตรวม 5,631,996 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ฝรั่งเศส อเมริกา อินเดีย อิตาลี และบราซิล
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็น 86.72% ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็น 82.8%
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็น 53.31% ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็น 43.13%
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 5 ใน 10 อันดับแรก และ 12 ใน 20 อันดับแรกของโลก
อัพเดต 2 เรื่องน่ารู้
1.Omicron (โอมิครอน) สายพันธุ์ย่อย BA.2
ข้อมูลจาก Prof.Moritz Gerstung จาก German Cancer Research Center
พบว่าจำนวนคนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของเยอรมัน เป็น BA.2 มากกว่าเดลตา (5% vs 2-3%)
หากเทียบอัตราการขยายตัวของการระบาดแต่ละสายพันธุ์ จะพบว่า Omicron BA.1 (สายพันธุ์แรก) จะเร็วกว่าเดลตาราว 15% แต่ Omicron สายพันธุ์ BA.2 นี้จะเร็วกว่าเดลตาราว 20%
ตอนนี้เมืองที่มี BA.2 มากสุดคือ กรุงเบอร์ลิน มีสัดส่วนของ BA.2 ถึง 30%
2. อัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจาก mRNA vaccines
Oster ME และคณะ ได้ตีพิมพ์การศึกษาติดตามผลหลังฉีดวัคซีน mRNA (Pfizer/Biontech: BNT162b2 และ Moderna mRNA-1273) ในวารสารวิชาการแพทย์สากล JAMA วันที่ 25 มกราคม 2565
ตั้งแต่ธันวาคม 2563 ถึงสิงหาคม 2564 มีจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนที่อายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป จำนวน 192 ,405 ,448 คน ได้รับวัคซีนไป 354 ,100 ,845 โดส
มีรายงานจำนวนคนที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ เป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบทั้งหมด 1,626 คน
อัตราการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบนั้น พบมากในช่วงอายุ 12-15 ปี (70.7 รายต่อการฉีด BNT162b2 จำนวน 1 ล้านโดส)
โดยสูงสุดในวัยรุ่นเพศชายอายุ 16-17 ปี (105.9 รายต่อการฉีด BNT162b2 จำนวน 1 ล้านโดส)
และในผู้ชายอายุ 18-24 ปี (52.4 รายต่อการฉีด BNT162b2 จำนวน 1 ล้านโดส และ 56.3 รายต่อการฉีด mRNA-1273 จำนวน 1 ล้านโดส)
ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบส่วนใหญ่ได้รับการดูแลรักษาจนหายดี โดยมักใช้ยาต้านการอักเสบ (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs: NSAIDS)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า ประโยชน์ที่ได้จากการฉีดวัคซีนนั้นมากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะหากมีการติดเชื้อโรคโควิด-19 จะเกิดความเสี่ยงต่อการป่วยและการเสียชีวิต รวมถึงผลแทรกซ้อนต่างๆ ตามมามากกว่า