เตือน โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย 2 แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์แรก 50%

01 ก.พ. 2565 | 20:11 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.พ. 2565 | 23:18 น.

โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย 2 แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์แรก 50% จ่อเกิดพีค 2 หมอเฉลิมชัยเผยข้อมูลการระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมาไทยไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกับโลก

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

โควิดระลอกใหม่นี้ อาจเกิดเป็น 2 พีค เหตุจากสายพันธุ์ย่อย BA.2

 

จากข้อมูลการระบาดของโควิดในช่วงที่ผ่านมา ของประเทศไทยเราเองก็อยู่ในทำนองเดียวกับของโลก คือในแต่ละระลอกหรือเวฟ มักจะมีเพียงหนึ่งพีคหรือหนึ่งจุดสูงสุด

 

ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ได้แก่

 

  • ระลอกที่หนึ่ง มค.-พค.2563 เป็นไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น
  • ระลอกที่สอง ธ.ค.2563-มีค.2564 เป็นไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น
  • ระลอกที่สาม เมย.-ธ.ค.2564 เป็นไวรัสสายพันธุ์อัลฟาตามด้วยเดลตา
  • ระลอกที่สี่หรือระลอกใหม่ เริ่มต้นเมื่อ 1 มค. 2565 เป็นไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)

เนื่องจากการระบาดในอดีต แต่ละระลอก  ไวรัสแต่ละสายพันธุ์นั้น แม้จะมีสายพันธุ์ย่อยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก

 

ผู้ติดเชื้อในแต่ละระลอก จึงมีจุดสูงสุดหรือพีคเพียงพีคเดียว เป็นส่วนใหญ่

 

แต่สำหรับไวรัสโอมิครอน พบว่าสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2) แพร่เร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง (BA.1) มากถึง 50%

 

โควิดระลอกใหม่นี้ อาจเกิดเป็น 2 พีค

 

ทำให้เริ่มสังเกตเห็นลักษณะการติดเชื้อที่ประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งพบสายพันธุ์ย่อยที่สองมากขึ้น และได้แซงหน้าสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง ในจังหวะที่จำนวนผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่งเริ่มลดลง

 

ซึ่งอาจจะทำให้เกิดพีคที่สองจาก BA.2 ได้ ลักษณะเช่นเดียวกันกับที่เดนมาร์ก ก็มีสายพันธุ์ BA.2เป็นหลักแล้ว

 

ดังนั้นถ้าประเทศใด ที่การระบาดของโอมิครอนยังไม่ถึงพีค แม้มีสายพันธุ์ย่อยที่สองเข้ามาเป็นสายพันธุ์เด่น ก็จะเดินหน้าขึ้นเป็นพีคเดียว แต่เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ขึ้นสูงกว่าสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง
 

แต่ถ้าประเทศใด ที่สามารถคุมสถานการณ์ได้ดีจากสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง ทำให้มีการชะลอตัวหรือเริ่มเป็นขาลงแล้ว เช่นที่แอฟริกาใต้

 

อาจจะได้เห็นการเพิ่มของผู้ติดเชื้อเป็นพีคที่สองในระลอกเดียวกันจากสายพันธุ์ย่อยที่สอง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีจังหวะการผ่อนคลายในการควบคุมโรค ทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน

 

ที่อาจจะเร็วเกินไป หรือมากเกินไป เมื่อพบสายพันธุ์ย่อยที่สองเข้า ก็อาจจะทำให้เกิดพีคใหม่ได้

 

เป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องมีมาตรการผ่อนคลายลง เพื่อให้มิติทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยได้รับผลกระทบที่ไม่มากนัก

 

แต่จังหวะเวลาและระดับของการผ่อนคลาย เป็นเรื่องที่จะต้องใช้ความสามารถอย่างมาก ต้องทำได้ถูกจังหวะเวลา พอเหมาะพอดีกับไวรัส  จึงจะได้ผลดีแบบสมดุล ระหว่างมิติเศรษฐกิจและสังคม กับมิติทางด้านสาธารณสุข