เพจศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ให้ข้อมูลว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ใช้ยาสีฟัน ไข่ขาว ทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เสี่ยงติดเชื้อที่บาดแผลนั้น
หลังจากที่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประเด็นดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง
โดยทั่วไปผิวหนัง มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค สารเคมี รังสีต่าง ๆ รวมถึงมีส่วนในการควบคุมความชื้น และอุณหภูมิของร่างกาย มีเส้นประสาทรับความรู้สึกอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับบาดแผลจากไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวกที่บริเวณผิวหนัง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ตามความลึกของบาดแผล คือ
แผลลึกระดับที่ 1 (First-degree burn) การบาดเจ็บอยู่เฉพาะที่ชั้นหนังกำพร้า เป็นชั้นผิวหนังส่วนตื้น แผลอาจมีลักษณะคล้ายผิวหนังไหม้จากการโดนแสงแดดจัด อาการที่พบ เจ็บแสบ แดง และแห้ง ไม่มีลักษณะของตุ่มน้ำให้เห็น หายได้เองภายใน 7 – 14 วัน
แผลลึกระดับที่ 2 (Second-degree burn) การบาดเจ็บลงลึกถึงชั้นหนังแท้ อาการขึ้นอยู่กับความลึกที่ได้รับบาดเจ็บ มักพบตุ่มน้ำ แผลถลอกร่วมด้วย การหายของแผลอาจใช้เวลามากกว่าสองสัปดาห์และมีโอกาสเกิดแผลเป็นหรือสีผิวผิดปกติตามมา
แผลลึกระดับที่ 3 (Third-degree burn หรือ Full-Thickness burn) ผิวหนังทุกชั้นถูกทำลายด้วยความร้อน แผลมีลักษณะแห้งแข็ง ไม่ยืดหยุ่น แผลชนิดนี้มักไม่หายเอง ต้องได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง มีโอกาสเกิดการหดรั้งหรือแผลเป็นนูนตามมาได้ค่อนข้างมาก
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับบาดแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก คือ
1.ออกจากแหล่งความร้อนโดยเร็วที่สุด รวมถึงกำจัดแหล่งความร้อนที่จะทำให้บาดแผลลุกลามมากขึ้น เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับที่อยู่บริเวณแผล เป็นต้น
2.ล้างบาดแผลด้วยน้ำสะอาดที่อุณหภูมิปกติ เพื่อลดความร้อนและทำให้แผลเย็นลง
3.กรณีมีบาดแผลถลอก มีตุ่มน้ำสีของผิวหนังเปลี่ยนแปลง มีบาดแผลลึก หรือมีแผลไหม้เป็นบริเวณกว้าง สามารถปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ หรือผ้าสะอาด และให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน
4.ไม่ควรทาหรือใช้สารอื่น ๆ ทาลงบนบาดแผล เช่น ยาสีฟัน ไข่ขาว และน้ำปลา เนื่องจากอาจเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อที่บาดแผลได้