น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ต้องระวัง โควิดระลอกที่ 4 เริ่มมีการขยับตัวของผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต แล้ว ต้องเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3ในกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
นับตั้งแต่ไวรัสโอมิครอน (Omicron) ปรากฏขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่ประเทศแอฟริกาใต้
และองค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นไวรัสกลุ่มน่ากังวล (VOC) ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564
จนในปัจจุบัน ไวรัสโอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักของโลกแทนไวรัสสายพันธุ์เดลตาเรียบร้อยแล้วนั้น
ตลอดระยะเวลา 3 เดือน ที่ไวรัสโอมิครอนระบาดทั่วโลก ทำให้เราทราบลักษณะต่างๆดังนี้
จากข้อมูลดังกล่าว
เราอาจจะเบาใจเรื่องร้อยละหรืออัตราของผู้เสียชีวิตได้
แต่เราไม่สามารถจะวางใจได้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อนับเป็นรายคนแล้ว จะน้อยเสมอไป
เพราะถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อมีจำนวนสูงมากนับหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับจำนวนของผู้ติดเชื้อจากไวรัสเดลต้า
อาจจะทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิตมีจำนวนคนเพิ่มมากกว่าได้
ทั้งที่ไวรัสโอมิครอนมีความรุนแรง และมีอัตราผู้เสียชีวิตคิดเป็นร้อยละน้อยกว่าก็ตาม
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565
เราเริ่มเห็นการขยับตัวของความรุนแรง เมื่อคิดเป็นรายคนชัดเจนขึ้น โดยที่จำนวนร้อยละของความรุนแรงยังคงต่ำอยู่ ได้แก่
ซึ่งจำนวนผู้ป่วยหนัก และผู้ใช้เครื่องช่วยหายใจ จะส่งผลกระทบไปถึงจำนวนผู้เสียชีวิตในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เพราะผู้เสียชีวิตจะเกิดขึ้นหลังจากติดเชื้อแล้วประมาณ 7-14 วัน
เราจึงต้องตระหนักและยอมรับว่าไวรัสโอมิครอน จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
แต่เราไม่ควรยอมรับหรือยอมจำนน ที่จะให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น
เพราะเราสามารถป้องกันหรือควบคุมจำนวนผู้เสียชีวิตได้ ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้แก่ ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว
การเร่งฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้กับผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ให้ครบทุกราย จะเป็นเครื่องมือสำคัญมาก ในการคุมจำนวนผู้เสียชีวิตให้น้อยกว่าสมัยไวรัสเดลตา ทั้งที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าสมัยไวรัสเดลตาระบาด