โอมิครอนวันนี้ในไทยใช้เตียงหลักแล้ว 88% ผวาติดเชื้อมากกระทบระบบสาธารณสุข

22 ก.พ. 2565 | 02:28 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ก.พ. 2565 | 09:28 น.

โอมิครอนวันนี้ในไทยใช้เตียงหลักไปแล้วถึง 88% หมอเฉลิมชัยแนะขยายเตียงโรงพยาบาลสนามและขยายจำนวนการแยกกักที่บ้านอย่างมีระบบ

น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า

 

โควิดจากไวรัสโอมิครอน (Omicron) ใช้เตียงหลักไปแล้ว 88% ใช้เตียงผู้ป่วยอาการหนักเพียง 14%  และเตียงที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 17%

 

สถานการณ์โควิดระบาดระลอกใหม่ ซึ่งเกิดจากไวรัสโอมิครอน ได้ก่อผลกระทบอย่างกว้างขวางกับทุกประเทศทั่วโลก

 

โดยมีอัตราการติดเชื้อทั่วโลกสูงกว่าสายพันธุ์เดลตา 4-6 เท่า จึงมีผู้ติดเชื้อขึ้นสู่พีคหรือจุดสูงสุดในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากกว่าสายพันธุ์เดลตาหลายเท่าตัว

 

สหรัฐอเมริกาเคยติดเชื้อถึงวันละ 1,000,000 คน อังกฤษและฝรั่งเศสติดเชื้อวันละ 1-300,000 คน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ติดเชื้อวันละ 100,000 คน เป็นต้น
 

ส่วนของประเทศไทย ก็มีผู้ติดเชื้อทำสถิติสูงสุดเมื่อวานนี้ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรวมจาก PCR+ATK 33,893 ราย ถ้านับเฉพาะผู้ติดเชื้อที่ยืนยันด้วย PCR จะอยู่ที่ตัวเลข 18,883 ราย

 

เปรียบเทียบกับผู้ติดเชื้อสูงสุดในระลอกที่สามจากไวรัสเดลตา ที่จำนวน 23,418 ราย

 

สิ่งที่หลายฝ่ายอยากทราบและมีความเป็นห่วงกังวลคือ แม้โอมิครอนจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าไวรัสเดลตาหลายเท่าตัว

 

แต่ถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อมีมาก ก็อาจจะส่งผลกระทบถึงความสามารถของระบบสาธารณสุขไทยได้

 

ผู้เขียนจึงได้รวบรวมสถิติการใช้เตียงสูงสุดของผู้ติดเชื้อไวรัสเดลตาของโรงพยาบาลในลักษณะต่างๆของระลอกที่สาม เปรียบเทียบกับระลอกที่สี่ในปัจจุบันที่เกิดจากโอมิครอน จะพบตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้

 

โอมิครอนวันนี้ในไทยใช้เตียงหลักไปแล้ว 88%

 

ผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระบบการดูแลรักษา

 

ระลอกที่สาม 214,421 ราย

 

ระลอกที่สี่ 166,397 ราย

 

คิดเป็น 78%

ผู้รักษาตัวในโรงพยาบาลหลัก

 

ระลอกที่สาม 87,150 ราย

 

ระลอกที่สี่ 77,071 ราย

 

คิดเป็น 88%

 

รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนาม

 

ระลอกที่สาม 79,144 ราย

 

ระลอกที่สี่ 49,374 ราย

 

คิดเป็น 62%

 

แยกกักที่บ้านหรือในชุมชน (HI/CI)

 

ระลอกที่สาม 80,248 ราย

 

ระลอกที่สี่ 38,931 ราย

 

คิดเป็น 49%

 

ผู้ป่วยอาการหนัก

 

ระลอกที่สาม 5626 ราย

 

ระลอกที่สี่ 796 ราย

 

คิดเป็น 14%

 

ผู้ใช้เครื่องช่วยหายใจ

 

ระลอกที่สาม 1172 ราย

 

ระลอกที่สี่ 202 ราย

 

คิดเป็นร้ อยละ 17

 

จะเห็นได้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในปัจจุบัน (ซึ่งยังไม่ถึงจุดสูงสุด) ได้เข้ารับการดูแลในระบบสาธารณสุขไทยมากถึง 78% เมื่อเทียบกับระลอกที่แล้ว
และในโรงพยาบาลหลัก มีผู้เข้าไปรับการดูแลหรือครองเตียงมากถึง 88%

 

โดยที่ส่วนใหญ่แล้ว มีอาการไม่รุนแรงมากนัก จะเห็นได้จากผู้ป่วยอาการหนักมีเพียง 14%  และผู้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมีเพียง 17%

 

ดังนั้นการรับมือกับผู้ติดเชื้อในระลอกที่สี่หรือโอมิครอน จำเป็นที่จะต้องขยายเตียงโรงพยาบาลสนามและขยายจำนวนการแยกกักที่บ้านอย่างมีระบบ และต้องทำให้การบริหารจัดการราบรื่นไปพร้อมกัน

 

จะส่งผลทำให้ ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องนอนในโรงพยาบาลหลัก สามารถขยับมาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และแยกกักที่บ้านได้

 

ทำให้โรงพยาบาลหลัก เหลือเตียงสำรองไว้รับผู้ป่วยอาการปานกลางและหนักได้อย่างเพียงพอ

 

ส่วนผู้ป่วยอาการหนักนั้น ยังพอจะมีเตียงรองรับได้เป็นจำนวนมากพอสมควร
โอกาสที่จะเกิดวิกฤติของผู้ป่วยอาการปานกลางและหนักหาเตียงโรงพยาบาลหลักไม่ได้ ก็จะไม่เกิดขึ้น

 

ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือ ทั้งจากภาครัฐ ในการรณรงค์ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน และจะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปด้วย ที่จะเข้ารับการดูแลรักษาในระบบสุขภาพ ตามความเหมาะสมของระดับความรุนแรงของอาการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ