นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ (หมอมนูญ) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว (หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC) โดยมีข้อความระบุว่า
ประเทศไทยควรเปลี่ยนเป้าหมายจากการลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (Covid-19) เป็นการลดจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตหลังการติดเชื้อ
การป้องกันการติดเชื้อทำได้ยาก เพราะเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) BA.1 และ BA.2 ติดกันง่ายมาก แพร่ทางอากาศ
อย่างเก่งทำได้แค่ชะลอเวลาติดเชื้อออกไปสักพัก เพื่อใช้เวลานี้รีบฉีดวัคซีนให้กับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว
และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับคนที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว
วัคซีนช่วยลดความรุนแรง ป่วยหนักและเสียชีวิตได้มากกว่า 90%
ในขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงทั้งแอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา เพียงพอสำหรับคนในประเทศทุกคน
แต่มีคนจำนวนมากยังกลัวผลข้างเคียงของวัคซีน และปฏิเสธการฉีดวัคซีน รัฐบาลต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ อย่างน้อย 90% ของกลุ่มคนสูงอายุ
คนที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ให้ได้รับวัคซีน 2 เข็ม
และอย่างน้อย 60% ของกลุ่มเสี่ยงนี้ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3
วัคซีนเป็นการลงทุนที่ได้ผล และคุ้มค่าที่สุดในการลดการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโรคโควิด
สำหรับคนกลุ่มเสี่ยงทึ่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังฉีดไม่ครบ กลุ่มนี้ควรจะได้รับยาต้านไวรัสชนิดกิน Paxlovid ไม่ใช่ยาฟาวิพิราเวียร์ รีบให้ทันทีภายใน 5 วันที่เริ่มมีอาการ
จะสามารถลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ 90%
ปัญหาคือยานี้ยังไม่เข้าประเทศไทย ต้องรออย่างน้อยอีก 2-3 เดือนข้างหน้ากว่าบริษัทยาจะผลิตยาได้มากเพียงพอสำหรับความต้องการของทุกประเทศ