ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 มีนาคม ของทุกปีเป็น “วันนักข่าว” และยังเป็น “วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ” ซึ่งตรงกับ วันสถาปนา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันคือ "สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย"
โดยประวัติความเป็นมานั้น ต้องย้อนไปในยุค “สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย” ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2498 โดยนักข่าวรุ่นบุกเบิก จำนวน 15 ท่าน คือ
ทั้ง 15 คน นัดหมายกันที่ศาลานเรศวร ในสวนลุมพินี โดยมีชาญ สินศุข จากสยามนิกร เป็นประธานการประชุม
โดยหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ ต่างก็ให้ความสำคัญกับวันสำคัญของพวกตนเป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นประเพณีที่ทราบกัน ระหว่างหนังสือพิมพ์กับผู้อ่านว่า วันที่ 6 มีนาคม ของทุกปี จะไม่มีหนังสือพิมพ์วางจำหน่าย เนื่องจากเป็นวันหยุดงานประจำปีของบรรดานักหนังสือพิมพ์ทั้งหลาย
แต่แล้วก็มีหนังสือพิมพ์บางฉบับแอบออกวางจำหน่ายในวันที่ 6 มีนาคม เนื่องจากประชาชนในฐานะผู้อ่านเกิดความตื่นตัว และมีความต้องการที่จะบริโภคข่าวสารที่มากขึ้น จึงทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับอื่นต้องเลิกประเพณีดังกล่าวไป
จากนั้น สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ได้กำหนดให้ วันที่ 4 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันที่จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี เพื่อให้วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปี แต่เดิมมา งานทั้งสองจัดขึ้น ณ ที่ทำการสมาคมฯ อาคาร 8 ถนนราชดำเนิน ซึ่งบริเวณริมฟุตบาทใกล้เคียง ก็เป็นสถานที่ซึ่งบรรดาเหยี่ยวข่าว นัดพบปะสังสรรค์กันเป็นปกติอยู่แล้ว
แต่ในช่วงหลัง จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างมาก และถนนราชดำเนินยังเป็นถนนสายหลัก มีผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก รวมถึงสถานที่ยังคับแคบ ส่งผลให้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้สัญจรไปมา จึงได้ย้ายสถานที่จัดการประชุมไปยังโรงแรมต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
ต่อมา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เข้ารวมกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กลายเป็น “สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2542 แต่ยังคงกำหนดให้วันที่ 5 มีนาคม เป็นวันคล้ายวันสถาปนาสมาคมฯ และวันนักข่าว จนถึงปัจจุบัน
“นายอิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก จากนั้นจึงมีการตั้งรางวัลประกวดข่าวและภาพข่าวหนังสือพิมพ์ที่ชื่อว่า “รางวัลอิศรา อมันตกุลกัน” เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศของคนหนังสือพิมพ์ ซึ่งมอบให้กับผลงานข่าวและผลงานภาพข่าวยอดเยี่ยมของหนังสือพิมพ์ในแต่ละรอบปี
โดยมูลนิธิอิศรา อันตกุล ได้กำหนดรางวัลอิศรา อมันตกุล ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และเป็นเกียรติแก่นายอิศรา อมันตกุล อดีตนักหนังสือพิมพ์และนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรกผู้ล่วงลับ
ข้อมูลจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยระบุว่า “อิศรา อมันตกุล” เปรียบเสมือนสัญญลักษณ์ของนักหนังสือพิมพ์ผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม ดำรงตนอยู่ภายใต้อาชีวปฏิญานและมุ่งมั่นในการทำหน้าที่นักหนังสือพิมพ์ ดังคำกล่าวที่นางเสริมศรี เอกชัย อดีตนักหนังสือพิมพ์เจ้าของนามปากกา “สนทะเล” และอดีตนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ว่า
“อิศรา อมันตกุล เป็นอะไรอีกหลายอย่าง แต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นเพียงอย่างเดียวคือเป็น “ตัวอย่างที่ประเสริฐที่สุด” ของคนหนังสือพิมพ์ เป็นเบ้าหลอมแท่งคอนกรีตอันใช้ปูทางเดินไปสู่เกียรติศักดิ์ของคนหนังสือพิมพ์”
มูลนิธิอิศรา อมันตกุล ได้มอบหมายให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินงานด้านการจัดประกวดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ซึ่งผลงานข่าวและภาพข่าวชิ้นแรกที่ได้รับรางวัลอิศรา อมันตกุล คือ ผลงานข่าว “ขังลืม เวล บุกรุก” ของนายน้อย ทรัพย์พอกพูน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
และผลงานภาพข่าว “ปฏิบัติการจองเวร” ของนายประสงค์ แฟงเอม ช่างภาพหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้รับรางวัลอิศรา อมันตกุล ประเภทข่าวยอดเยี่ยมและภาพข่าวยอดเยี่ยมตามลำดับ
หลังจากนั้นก็ได้มีการจัดการประกวดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นปีที่ 50 (พ.ศ. 2565) ของการจัดการประกวด โดยคณะกรรมการผู้ตัดสินรางวัลมาจากทั้งนักหนังสือพิมพ์อาวุโส,ช่างภาพ,ผู้แทนมูลนิอิศรา อมันตกุลและนักวิชาการ
โดยปีนี้เป็นปีแรกที่ กรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย แก้ระเบียบในการประกวดข่าวและภาพข่าว เปิดให้สื่อออนไลน์ได้ร่วมส่งเข้าประกวดด้วย เนื่องจากมีหนังสือพิมพ์ส่งข่าวและภาพเข้าประกวดลดลงอย่างมาก ตามยุคสมัย
จะมีพิธีประกาศผลและมอบรางวัลผลการประกวดข่าวยอดเยี่ยมจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ และภาพข่าวยอดเยี่ยมจากสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ รางวัลอิศรา อมันตกุล และรางวัลข่าวอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดีเด่น ในวันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2565 เวลา 10.00 น. ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) สามารถติดตามการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊ก สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
ขณะเดียวกันจะมีการปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์สี จิ้น ผิง เขย่าโลก:ไทยจะอยู่อย่างไร?” โดย ศาสตราจารย์ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานคณะมนตรีเพื่อสันติภาพและความปรองดองแห่งเอเชีย(APRC) และกรรมการการประชุมโบอ่าวแห่งเอเชีย (Boao Forum for Asia)
ที่มาข้อมูล