จากกรณีที่โรงแรมหรู"โซเนวาคีรี เกาะกูด"ไฟไหม้ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 65 ล่าสุดผู้ประสบเหตุไฟไหม้ ซึ่งได้เข้าพักในวันที่เกิดเหตุต่างออกมาแชร์ประสบการณ์เลวร้าย ที่แสดงถึงความผิดหสังของโรงแรมราคาหลักแสน แต่มีระบบการรักษาความปลอดภัยและระบบป้องกันไฟไหม้ที่แย่มากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในโรงแรมหรูเช่นนี้
‘แยม ธมลพรรณ์ ภานุชิตพุทธิวงศ์’ นักแสดงสาว โพสต์ ig บอกเล่า นาทีหนีตาย ไฟไหม้ รีสอร์ทหรูบนเกาะกูด จ.ตราด ขณะเธอท้อง 5 เดือน ลูกเล็กๆ หลาน พ่อแม่ คนสูงอายุ หนีตายกันไปคนละทิศคนละทาง
“เหตุเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ วันที่ 6 มี.ค. 65 เวลา 7.09 น. (เวลาที่รีสอร์ทหรูบนเกาะกูด) เค้าจะให้นักท่องเที่ยวปรับเวลาเร็วขึ้น 1 ชม. ซึ่งเวลาปกติในไอโฟนคือ 6.09 น. ตอนนั้นครอบครัวของเรานอนพักอยู่ใน Villa63 เป็นวิลล่าที่ดีสุดและใหญ่ที่สุดของที่นี่ เป็นโรงแรมระดับ 6 ดาว ลองเสิร์จดูได้นะคะ รีวิวเยอะมาก โดยค่าใช้จ่าย 4 วัน 3 คืน เกือบล้าน
แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เช้าวันนั้นตอนนอนอยู่ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนวิ่งผ่านห้องไปมา ตอนแรกเบา ๆ นึกว่าแม่บ้านมาทำความสะอาด ซักพักหนึ่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ เลยเริ่มรู้สึกแปลก หันไปดูเวลาในมือถือ คือ 6.09 น. เลยตัดสินใจปลุกสามี ซึ่งพี่อ้ำแกเป็นคนหลับลึก พยายามบอกว่า ใครมาเดินผ่านไปมาเสียงดังสะเทือนมาก พี่ออกไปดูหน่อย พอจบคำ แยมลุกขึ้นมานั่งบนเตียง มองออกช่องข้าง ๆ หน้าต่างที่เป็นม่านพับปิดลงมา
สิ่งที่เห็นคือ เปลวไฟไหวไปมา ตอนนั้นตกใจบอกสามีว่าไฟไหม้ แล้วรีบออกไปเรียกลูกคนโตกับพี่เลี้ยงที่อยู่ห้องติดกันข้าง ๆ เรามองไปที่เพลิง คือ ไม่สามารถวิ่งไปห้องพักของคนอื่นในครอบครัวได้เลย เพราะเปลวเพลิงสูงมาก มองไม่เห็นอะไรเลย
ตอนนั้นใจเสียและขาสั่นมาก บอกตรง ๆ เลยคือ คิดว่าลูกคนเล็ก พ่อแม่ แม่สามี และพี่น้องในครอบครัวจะออกมาได้มั้ย หรือจะถูกไฟคลอก ในขณะที่เราก็ต้องหาทางออก ทางเดียวคือ ด้านหลังห้องน้ำที่เป็นป่า แล้วต้องปีนขึ้นไปเดินในป่า เพื่อหาทางรอด โดยทิ้งทรัพย์สิน ของมีค่า แทบหยิบอะไรออกมาไม่ได้เลย นอกจากมือถือ โชคดีที่เราเดินไปเรื่อย ๆ จนเจอถนน
ช่วงนั้นเราพยายามติดต่อคนในครอบครัวว่า ออกมาครบมั้ย ทุกคนออกมาครบ แต่คนในครอบครัวของเราที่พักชั้น 2 ไม่สามารถลงมาได้ เพราะไฟไหม้จนถึงบันไดแล้ว จึงต้องตัดสินใจปีนลงมา แต่ไม้รับน้ำหนักไม่ได้ เลยตกลงมา กระดูกซี่โครงหลังยุบ หัวแตก
ตอนนั้นทุกคนหวาดกลัวมาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเร็ว และไม่มีใครได้ตั้งตัว เพราะไฟไหม้ในขณะเช้าตรู่ ส่วน Alarm ก็ไม่ดัง รวมถึงที่พักก็ทำจากไม้ ใบจาก ไฟลุกลามเร็วมาก ประมาณ 10 นาทีคือ วิลล่าหายไปกับตา
มันเป็นอะไรที่แย่มากๆในชีวิต ทุกคนที่รอดมาได้เพราะโชคชะตา ไม่ใช่เพราะระบบ Security แต่อย่างใด คือถ้าเรานอนแบบหลับลึก คิดว่าคงถูกไฟคลอกตายทั้งครอบครัว ทำไมเราต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายแบบนี้ คนท้อง 5 เดือน ลูกเล็กๆ 2 คน หลาน พ่อ แม่ คนสูงอายุ ทุกคนต่างหนีตายไปคนละทิศคนละทาง
แยมถามว่า โรงแรมนี้จะจัดการยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คะ?ขนาดวันที่เกิดเพลิงไหม้ นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ยังไม่ทราบ เค้าแค่กันพื้นที่แล้วบอกว่า ถนนชำรุดห้ามผ่าน จะมีที่รู้เรื่องก็แค่ 2-3 วิลล่าใกล้เคียง แค่นั้น! คือ ถ้าถูกไฟคลอกตาย คงโดนปิดข่าวเช่นกัน ชีวิตทุกคนมีค่านะคะ เลยอยากมาบอกประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตให้ฟังค่ะ
คืนที่ผ่านมานอนไม่หลับเลย ภาพเปลวเพลิงที่กำลังลุกลามมาที่ห้องเราติดตามากๆ เหตุการณ์ในครั้งนี้ถึงแม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่เราสูญเสียทรัพย์สิน สภาพร่างกายที่บอบช้ำ กระดูกซี่โครงหลังหัก มือบวม บาดแผลและอื่นๆ ยิ่งสภาพจิตใจไม่ต้องพูดถึงมันแย่มากๆๆๆๆ ผู้บริหารของคุณหายไปไหนคะ? เราได้คุยกับแค่ Gm และ Fa เท่านั้น ซึ่งเค้าให้คำตอบอะไรเราได้ไม่มากเลย”
ขณะที่เพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน ของ หมอโอ๋ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ระทึก เมื่อโรงแรมที่พัก บนเกาะกูด จังหวัดตราด ราคาคืนละ 500,000 บาท เกิดไฟไหม้ ไร้สัญญาณเตือนไฟไหม้ จนได้รับอุบัติเหตุกับร่างกาย
โดยระบุว่า #เมื่อวันแสนสุขกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ขอเขียนเล่าในนี้ เพราะข่าวเริ่มไป คนโทรมามากมายเต็มไปหมด
บ้านหมอและครอบครัวน้องชายทั้งหมด 15 คน มาเที่ยวโรงแรมชื่อดัง ที่เกาะกูด จังหวัดตราด
ในขณะที่เรากำลังมีความสุขเพราะโรงแรมสวยงามมาก เราอยู่ร่วมกันแบบมีแต่เสียงหัวเราะแห่งความสุข
เพิ่งมานอนกันได้คืนเดียว เช้าตรู่ก็เกิดเรื่อง
ขณะหลับอยู่ หมอได้ยินเสียงคุณแม่ตะโกนโวยวายจากชั้นล่าง ว่าไฟไหม้ๆๆ ออกมาก็เจอไฟก้อนมหึมา ไหม้บ้านตรงกลางทั้งบนล่าง ปิดบันไดทางลงเรียบร้อย
ครอบครัวหมอเป็นบ้านเดียวที่อยู่ชั้น 2 หมอกลับไปตะโกนเรียกสามีและลูกสาว สามีสติดี ชวนวิ่งหนีไฟมาอีกฝั่ง แล้วให้ทุกคนปีนข้ามระเบียงมาตรงหลังคา แต่โชคไม่ดี ระเบียงที่เกาะไม้ไม่แข็งแรง ไม้หลุด สามีไถลไปข้างหน้า โชคดีสามีมีเลือดจาพนมในตัว เกาะต้นไม้โดดลงไปข้างล่างทัน
เบเน่ลงเป็นคนที่สอง ค่อยๆไต่หลังคาลงไปเหมือน spider man
หมอข้ามระเบียงลงไป กำลังจะยื่นมือไปจับเบเน่ …
จากนั้น… ก็จำอะไรไม่ได้อีก
ตื่นมาเห็นสามีตะโกนเรียก “หม่ามี้ๆๆๆ” อย่างบ้าคลั่ง พร้อมน้ำตานองหน้า เบเน่ร้องไห้ พูดแต่ “เบเน่รักหม่ามี้ๆๆ นะ”
เลยต้องตื่นมาบอกทุกคนว่า
“แม่ยังไม่ตายจ้ะ”
หลังจากนั้นก็เบลอจำอะไรไม่ได้ มารู้ตัวอีกที คือ อยู่ในเตียง เตรียมเคลื่อนย้าย ขึ้น speed boat ไปรพ.
สามีผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด บอกว่าหมอข้ามระเบียงออกมาแล้วเกาะไม้ระแนงตรงระเบียง ปรากฏว่าไม้ที่ไม่แข็งแรงทำให้หมอหลุด คว่ำหน้าไถลลงหลังคา ตกจากหลังคาสูงเกือบ 4 เมตร ก้นกระแทก หัวฟาดพื้น แล้วสลบไป เลือดกลบปาก เรียกไม่ตื่น สามีตกใจมากก แต่ก็ต้องหันไปช่วยลูกสาวที่ยังอยู่บนหลังคาและกำลังห้อยตัวกระโดดลงมา แล้วก็กลับมาช่วยหมออีกที สามีบอกว่าเหมือนฉากหนังจีนที่นางเอกกำลังกระอักเลือดตาย เรียกไม่ตื่น
สรุป หมอมีการบาดเจ็บที่ศีรษะ หัวแตก มีแผลที่หัวและหน้าเย็บไป 10 กว่าเข็ม มีกระดูกสันหลังตำแหน่ง T12 หัก แต่ไม่มีระบบประสาทผิดปกติอะไร ยังไม่ต้องผ่า ตัด (สามีโชคดีไป) แต่ตอนนี้ต้อง absolute bed rest ยานก่อน
สามีมีแผลถลอกทั่วตัว กับเอ็นข้อมือบาดเจ็บ (แต่สำหรับหมอผ่าตัดกระดูกสันหลังมันก็เป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆ)
เบเน่เป็นคนเดียวที่ปลอดภัย ไม่มีบาดแผลใดๆ (วิชายิมนาสติกที่เรียนมาช่วยชีวิตไว้ได้จริงๆ)
สภาพจิตใจหมอโอเค (เพราะจำอะไรไม่ค่อยได้ )
เบเน่สบายมาก ยังร่าเริงสดใส แข็งแกร่งสุดในปฐพี คอยดูแลแม่ไม่ห่าง
แต่พี่เบนซ์ สามีผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ยังคงร้องไห้ตลอดวัน โดยเฉพาะเวลาเล่าเรื่องนี้
จนตอนนี้เริ่มสงสัย ว่าที่ร้องไห้นี่เป็นเพราะเสียใจ ว่าทำไมเมียรอดมาได้รึเปล่า
ล้อเล่นๆๆ
เมื่อคืนสามีมากอด แล้วร้องไห้ บอกว่า “แด๊ดดี้รักหม่ามี้นะ นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” เหตุการณ์นี้คงบีบคั้นความรู้สึกของเขาจริงๆ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…
รู้เลยว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตจริงๆ
แต่พอสติมา ก็แอบเสียใจที่ไม่ได้หันไปเอาคอมพิวเตอร์ iPad ทั้งหมดออกมาได้ ข้อมูลงานทั้งหมดของเราสองคนอยู่ในนั้น
เบเน่ก็คอยปลอบใจแม่ว่า เรารอดออกมาอยู่ด้วยกัน มันก็พอแล้วนะหม่ามี้
แต่สิ่งที่อยากบอกทุกคนก็คือ เราเพิ่งรู้หลังเกิดเหตุการณ์ ว่าโรงแรมระดับนี้…
ไม่มีเครื่อง detect ควัน
ไม่มีสัญญาณเตือนภัย
ไม่มีสปริงเกอร์พ่นน้ำ
ชั่วโมงกว่าเท่านั้น วิลล่าหลังใหญ่ของที่นั่น ก็หายไปในพริบตา โดยไม่มีใครทำอะไรได้เลย
สาเหตุเค้าคิดว่าเป็นจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะขณะนั้นยังไม่มีใครตื่น
ครอบครัวหมอมีทรัพย์สินที่สูญเสียไปในกองเพลิงจำนวนมาก กับความประมาทที่เกิดขึ้น โรงแรมยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรในเรื่องนี้
ไปพักที่ไหน อย่าดูแค่ดาว แล้วหลงไว้ใจเรื่องความปลอดภัยเหล่านี้นะคะ
คิดไม่ออกเลยว่าถ้าแม่ไม่ตื่นมา ชีวิตพวกเราที่มีทั้งคุณแม่ เด็ก 4 คน น้องสะใภ้ที่ท้องอยู่ ถ้ามีใครสักคนต้องสูญเสียไปในกองเพลิง พวกเราทุกคนจะรู้สึกยังไง
มันไม่มีอะไรมาทดแทนได้จริงๆ
อย่าลืม
กอดและบอกรักคนข้างๆ กันบ่อยๆ นะคะ
ทำในสิ่งที่มันสำคัญสำหรับชีวิตจริงๆ
ชีวิตมันอาจจะสั้นกว่าที่เราคิด
และฝึกสติกับชีวิตประจำวันเสมอ
ระหว่างนี้ขออภัยที่ต้องยกเลิกงานต่างๆ ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนนี้ด้วยนะคะ
#หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน
ผู้ที่สามีบอกว่าตอนสลึมสลือไม่ค่อยรู้ตัว ได้แต่พูดว่า “หนูอดไปงานอาจารย์ประเสริฐ วันพุธนี้เลย ฮือๆๆๆ” “
อย่างไรก็ตามหลังเกิดไฟไหม้ ทางนายเดชาธร จันทร์อบ นายกอบต.เกาะกูด พร้อมเจ้าหน้าที่โยธาธิการ อบต.เกาะกูด เข้าตรวจสอบสภาพรีสอร์ตหรู ซึ่งก่อสร้างด้วยไม้พบว่าอาคารใหญ่ 1 อาคาร เกิดไฟเผาวอด ซึ่งห้องพักหลังนี้ราคาแพงที่สุดของโรงแรม คืนละ 8 แสนบาทในราคาปกติ แต่ช่วงนี้ลดเหลือ 3-4 แสนบาทต่อคืน มูลค่าความเสียหายประมาณ 300 ล้านบาท
โดยเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอาคารทุกแห่งของโรงแรมเพื่อดูเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะอาคารที่ไฟไหม้ได้ถูกระงับการใช้แล้วส่วนที่เหลือภายในโรงแรมและจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ส่วนผู้ที่มาพักทราบว่า เดินทางมาจำนวน 5-6 คน เป็นพ่อ แม่ ลูกและเเละญาติพี่น้อง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
โดยผู้ที่เป็นสามีที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังจากการตกลงมาจากอาคาร และลูกอีกคนบาดเจ็บที่บริเวณคิว นอกนั้นมีอาการตกใจซึ่งโรงแรมได้นำตัวส่งรพ. และเดินทางกลับไปกรุงเทพฯแล้วช่วงบ่ายวันที่ 6 มี.ค.
ส่วนความเสียหายทรัพย์สินของโรงแรมพบว่าอาคารโรงแรมห้องพัก 3 หลังเสียหาย และทรัพย์สินของผู้เข้าพักมีการประเมินไว้ทั้งหมดประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากมีนาฬิกา 3 เรือนโดยเฉพาะ นาฬิกาโรเล็กซ์ 2 เรือน แหวนเพชร 1 วง โดยตำรวจพิสูจน์หลักฐานภาค 2 จะเข้าตรวจสอบหลักฐานอีกครั้ง เนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายสูง
ล่าสุดเว็บไซต์ทางการของ ‘‘โซเนวา’ (soneva) ออกแถลงการณ์ระบุว่า
“คำแถลงการณ์จากโซเนวา ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในวิลล่า 63 ที่โซเนวา คีรี ผู้เข้าพักทุกท่านที่อยู่ในวิลล่าดังกล่าว ได้รับการอพยพอย่างปลอดภัย โซเนวารู้สึกเสียใจและห่วงใยแขกทุกท่าน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เป็นอย่างยิ่ง
เราสามารถควบคุมเพลิงได้ ทำให้ไม่ลามไปยังวิลล่า และส่วนอื่นๆ ของเกาะ หรือของรีสอร์ท ขณะนี้สาเหตุของเพลิงไหม้ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดและอยู่ในระหว่างการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โซเนวา คีรี ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ รวมถึงร้านอาหาร และกิจกรรม ทั้งหมดไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ที่โซเนวา เรามีมาตรการ และปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ทั้งที่โซเนวา คีรี และรีสอร์ทในเครือโซเนวาทั้งหมด วิลล่าทุกหลังของเราติดตั้งเครื่องตรวจจับควันไฟในห้องนอนทุกห้อง ระเบียบการจัดการด้านอัคคีภัย และความปลอดภัยของเราได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่ป่า
เรามีทีมดับเพลิงที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี รวมทั้งมีทีมพร้อมปฏิบัติการเต็มรูปแบบ ซึ่งได้รับการฝึกซ้อมเกี่ยวกับความปลอดภัยจากอัคคีภัยเป็นประจำ จากความพยายามของเจ้าหน้าที่ควบคู่ไปกับระบบปฏิบัติการที่แข็งแกร่ง เราสามารถควบคุมไฟได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ลุกลามไปยังวิลล่าและพื้นที่อื่นๆ ในรีสอร์ท เราขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของทุกคนที่เกี่ยวข้อง และเราจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน”