จากกรณีโรงแรมหรู "โซเนวา คีรี" ไฟไหม้ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในวิลล่า 63 จนถูกเผามอดทั้งหลัง และสามารถควบคุมเพลิงได้ ทำให้ไม่ลามไปยังวิลล่า และส่วนอื่นๆ ของเกาะ หรือของรีสอร์ทที่ยังเหลืออีก 33 หลัง
ล่าสุดดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. ภาค 6 (ชลบุรี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดตราด ได้ลงพื้นที่โรงแรม โซเนวาคีรี เกาะกูด หลังเกิดไฟไหม้ ได้รับความเสียหาย โดยประเมินความเสียหายเบื้องต้นของตัวอาคารประมาณ 200 ล้านบาท
เบื้องต้นพบว่าโรงแรมโซเนวาคีรี เกาะกูด มีการทำประกันอัคคีภัย เริ่มความคุ้มครอง 19 พ.ค. 64 สิ้นสุดความคุ้มครอง 19 พ.ค. 65 โดยมีบริษัท ทรอพพิคอล ไอแลนด์ จำกัด เป็นผู้เอาประกันภัย จำนวนเงินเอาประกันภัยทั้งสิ้น 902,828,155 บาท โดยมีบริษัทประกันภัย 5 แห่ง ร่วมรับประกันภัย ได้แก่
1. บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็น Leader สัดส่วนรับประกันภัย 45%
2. บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) สัดส่วนรับประกันภัย 20%
3. บริษัท ไอโออิ กรุงเทพ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) สัดส่วนรับประกันภัย 15%
4. บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) สัดส่วนรับประกันภัย 10%
5. บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) สัดส่วนรับประกันภัย 10%
สำหรับการติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมฯ และได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ทางโรงแรมฯ ได้นำส่งโรงพยาบาลและเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้ว
ขณะที่นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เปิดเผยหลังการเข้าตรวจสอบวิลลาหรูคืนละ 5 แสนบาท ที่เกิดเหตุไฟไหม้ ที่โรงแรมโซเนวาคีรี ต.เกาะกูด อ.เกาะกูดจ.ตราด โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ดำเนินการเก็บหลักฐานต่างๆบริเวณพื้นที่เกิดเพลิงลุกไหม้ รวมทั้งค้นหาทรัพย์สินที่นักท่องเที่ยว ระบุว่าได้รับความเสียหายโดยเฉพาะนาฬิกาที่มีมูลค่ากว่า 21 ล้านบาท และพบนาฬิกาถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด เหลือเพียงกรอบและตัวเรือนเล็กน้อยในจุดบ้านพัก ก่อนจะช่วยกันค้นหาแหวนเพชรและทรัพย์สินอื่นๆที่อาจตกค้างอยู่
ทั้งผู้ว่าฯได้ตำหนิว่าที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการค่อนข้างหนัก ขณะโรงแรมให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างล่าช้า ไม่นำขึ้นเครื่องส่งรักษา แต่ใช้วิธีเดินทางด้วยเรือแทน ทั้งๆที่อัตราค่าห้องพักราคาเกือบล้านบาท และทางโรงแรมชี้แจงว่าได้พยายามช่วยเหลือผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ทั้งการปฐมพยาบาล การนำตัวไปรักษา เนื่องจากการใช้เครื่องบินเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ผู้บาดเจ็บอาการหนัก จึงเลือกใช้เรือในการเดินทางแทน และดูแลผู้เสียหายเป็นอย่างดี ค่าห้องก็ไม่คิด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด
โดยในวันนี้ตัวแทนบริษัทประกันจะเดินทางมาตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย และจะต้องรอการตรวจหลักฐานต่างในเวลาไม่เกิน 30 วัน ในเรื่องมาตรการพัฒนา ตรวจสอบ ปรับปรุง ระบบแจ้งเตือนภัย ทางโรงแรมจะได้ทำการปรับปรุงพัฒนาหาสาเหตุการไม่แจ้งเตือนขณะเกิดเหตุดังกล่าว