ผู้ประกันตนติดเชื้อโควิด ต้องทำอย่างไร เช็คขั้นตอนที่นี่

10 มี.ค. 2565 | 18:31 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2565 | 21:44 น.

ไขข้อข้องใจ ผู้ประกันตนติดเชื้อโควิด -19 ต้องติดต่อที่ไหน สำนักงานประกันสังคมเปิดขั้นตอน -แนวทางกระบวนการทั้งหมดที่นี่

ผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 โดยเฉพาะสายพันธ์โอมิครอน ทำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในส่วนของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน จึงได้กำชับสถานพยาบาลเครือข่ายประกันสังคมที่ทำการรักษาสามารถเบิกค่ารักษา/ค่าตรวจ กับสำนักงานประกันสังคมได้ตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

 

ขั้นตอนแนวทางการตรวจรักษาโควิด-19 ในกรณีผู้ประกันตนติดเชื้อโควิด -19

นอกจากนั้นแล้วยังโหมสร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์ถึงขั้นตอนแนวทางการตรวจรักษาโควิด-19 ในกรณีผู้ประกันตนสงสัย/เข้าข่ายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ/สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 หรือเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถทำการตรวจคัดกรองด้วยตนเอง หรือที่สถานพยาบาลตามสิทธิ สำหรับการตรวจวินิจฉัย antigen test kit (ATK) หากผลตรวจ ATK เป็นบวกขึ้น 2 ขีด เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการรักษา  ดังนี้

กรณีผลตรวจ ATK เป็นบวก ผู้ป่วยสีเขียว ไม่มีอาการ/อาการเล็กน้อย-ปานกลาง


การเข้ารับการรักษา (Home Isolation : HI) กรณีผู้ประกันตนประสงค์เข้ารักษาที่บ้าน และมีความพร้อมด้านสถานที่ โดยไม่ต้องขอตรวจยืนยันผล RT-PCR โดยติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิ/สถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อขอรับการรักษาจัดส่งยาหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการรักษาพร้อมทั้งการติดตามอาการจากแพทย์และพยาบาลของสถานพยาบาลนั้น

 

สำหรับช่องทางการติดต่อเข้ารับการรักษาตัวในระบบ Home Isolation ของ สปสช. มี 3 ช่อง ได้แก่

 

1. โทรศัพท์เข้าสายด่วน 1330 กด 14


2. ไลน์ออฟฟิเชียล สปสช. @nhso หรือคลิกที่นี่


3. ลงทะเบียนด้วยตัวเองด้วยการสแกน QR code ที่อยู่บนเว็บไซต์ สปสช.หรือคลิกที่นี่

 

ในกรณีที่ผู้ประกันตนไม่สะดวกในการติดต่อด้วยตนเองทางสามารถติดต่อประสานหน่วยงานของสำนักงานประกันสังคม ช่วยเหลือขอรับรักษาหรือโทรศัพท์ติดต่อ ได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506 กด 6 และกด 7
 

การเข้ารับการรักษาในระบบชุมชน (Community Isolation : CI)


กรณีผู้ประกันตนประสงค์เข้ารักษาที่บ้าน แต่สภาพบ้านไม่พร้อมทำ CI สามารถติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิฯ/สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอรับการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ก่อน หรือติดต่อประสานหน่วยงานของสำนักงานประกันสังคม ได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่ง สายด่วน 1506 กด 6 และ กด 7 

 

การเข้ารับการรักษาใน Hospitel

 

  • กรณีผู้ประกันตนประสงค์รักษาใน Hospitel ด้วยมีข้อจำกัดไม่สามารถรักษาที่บ้านได้สามารถติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิฯ/สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอรับการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR

 

  • การตรวจ RT-PCR ยืนยันผลเป็นบวก ให้สถานพยาบาลตามสิทธิฯ/สถานพยาบาลที่ทำการตรวจ จัดหา Hospitel รับผู้ประกันเข้ารักษาโดยเร็ว

 

กรณีผลตรวจ ATK เป็นบวก ผู้ป่วยสีเหลืองเข้ม-สีแดง/มีอาการรุนแรง 

 

  • มีไข้/ไอ/หายใจเหนื่อย/มีโรคประจำตัว

 

  • ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ/ไตวายเรื้อรัง/เบาหวาน/โรคหลอดเลือดสมอง/โรคมะเร็ง เป็นต้น

 

  • กรณีที่มีโรคประจำตัวควบคุมไม่ได้

 

  • ตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ มากกว่า 12 สัปดาห์

 

  • ติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิฯ/สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอตรวจยืนยันผลด้วยวิธี RT-PCR และเข้าสู่กระบวนการรักษาในสถานพยาบาลตามแนวทางที่สาธารณสุขกำหนด

 

กรณีผลตรวจ ATK เป็นลบ (ไม่ติดเชื้อ) 

  • ไข้สูง 37.5 องศาเซลเซียส/ไอ/มีน้ำมูก/เจ็บคอ/หายใจเหนื่อย/ตาแดง/ผดผื่น/ถ่ายเหลว (หากมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง) แนะนำให้ผู้ประกันตนติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิฯ/สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอตรวจยืนยันผลด้วยวิธี RT-PCR

 

  •  ผลตรวจยืนยันเป็นลบ มีประวัติเสี่ยงแนะนำให้กักตัว สังเกตอาการ และตรวจ ATK ซ้ำทุก 3 วัน ไม่มีประวัติเสี่ยง *ไม่ต้องกักตัว*

 

  • ผลตรวจยืนยันเป็นบวก สถานพยาบาลรับผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาโดยเร็ว ตามแนวทางการรักษาโควิด-19

 

  • กรณีแพทย์ซักประวัติ ไม่มีความเสี่ยง/ไม่เข้าเกณฑ์การตรวจของกระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกันตนประสงค์ขอตรวจเอง ซึ่งไม่อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นผู้ประกันตนต้องรับผิดชอบเอง 

 

สำนักงานประกันสังคมได้มีช่องทางการติดต่อประสานงานให้บริการช่วยเหลือผู้ประกันตน เข้ารักษาในสถานพยาบาล/Hospitel กรณีที่ไม่สามารถติดต่อสถานพยาบาลตามสิทธิฯ ได้ หรือได้รับการปฏิเสธการรักษา 

 

  • ผู้ประกันตนสามารถติดต่อประสานหน่วยงานของสำนักงานประกันสังคม ได้ที่  สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่ง หรือที่ สายด่วน 1506 กด 6 และ กด 7 * ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ