ทหารเมียนมา-กองกำลังกะเหรี่ยงเปิดศึกรบหน้าแล้ง พรมแดนตะวันตกด้านจ.ตากร้อนระอุ เมียนมาถล่มปืนใหญ่-ฮ.ถล่มเปิดทางถอนกำลังหน่วยรบ ที่ถูกกองกำลังกะเหรี่ยงปิดล้อมสกัดเส้นทางถอย ชาวบ้านแห่หนีตายข้ามน้ำเมยเข้าไทย ศูนย์สั่งการชายแดนฯย้ำ ยังไม่มีฝ่ายใดรุกล้ำอธิปไตยไทย
ผู้สื่อข่ายรายงานว่า ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ หลังทหารเมียนมารบกองกำลังกะเหรี่ยงดุเดือดบริเวณแนวพรมแดนตะวันตก ว่า ในห้วงระยะเวลาที่มีการสู้รบและปะทะกันที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตรงข้ามชายแดนจังหวัดตาก ระหว่างทหารรัฐบาลเมียนมา กับ กองกำลังชนกลุ่มน้อย(กกล.)กะเหรี่ยง(Karen National Union – KNU) กองกำลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา บริเวณ อ.เมียวดี และ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.พบพระ และ อ.อุ้มผาง จ.ตาก ฝั่งไทย
โดยการปะทะระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลัง KNU ไม่ปรากฎว่ามีการรุกล้ำอธิปไตยไทย ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังฝ่ายใด และไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ที่อาศัยอยู่ริมชายแดน
ขณะที่ปัจจุบัน มีผู้หนีภัยความไม่สงบ เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย จำนวน 1,759 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 4 แห่ง คือ ที่บ้านห้วยน้ำนัก ต.พบพระ อ.พบพระ ,บ้านเซอทะ ,บ้านหนองหลวง และบ้านเลตองคุ อ.อุ้มผาง จ.ตาก
สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญของคณะทำงานศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก เช่น ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม สนับสนุนยานพาหนะเคลื่อนย้ายผู้หนีภัยความไม่สงบฯ ที่ประสงค์สมัครใจเดินทางกลับ ขณะที่กองอำนวยการร่วม ยังคงดูแลพื้นที่ต่อเนื่อง ตามหลักมนุษยธรรม โดยไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ทั้งนี้ ศูนย์สั่งการชายแดน ฯ จังหวัดตาก ขอความร่วมมือประชาชน งดเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว และขอความร่วมมือสื่อมวลชน ตรวจสอบข่าวสารข้อเท็จจริง ก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง ได้จากการแถลงข่าวประจำวัน ของศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก
ขณะที่เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ที่ห้องประชุมสายประทีป ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดตาก นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พร้อมด้วย นายชัชวาลย์ ปัญญา ปลัดจังหวัดตาก พันเอกประสาน เห็นประเสริฐ รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือกับผู้แทนข้าหลวงใหญ่ ประจำสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประเทศไทย เพื่อแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบชาวเมียนมา ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวฯ ทั้ง 3 แห่งของจังหวัดตาก
สำหรับจังหวัดตาก มีพื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยจากการสู้รบจากประเทศเมียนมา จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ , พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านนุโพ อำเภออุ้มผาง และพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่หละ อำเภอท่าสองยาง ซึ่งผู้หนีภัยจากการสู้รบส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยง และมีชาติพันธุ์อื่น ๆ อาทิ ชาวเมียนมา กะเรนนี ปะหล่อง ไทใหญ่ ตะแว และแม๊ป อาศัยอยู่ด้วย
ทั้งนี้ การประชุมในครั้งนี้ เป็นการพบปะหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับผู้แทนข้าหลวงใหญ่ ประจำสำนักงานข้าหลางใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ประเทศไทย ซึ่งจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูล รับทราบปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวอย่างยั่งยืนต่อไป
ส่วนสถานการณ์การสู้รบในเมียนมา ระหว่างกองทัพสหภาพเมียนมากับกองกำลัง(กกล.)กะเหรี่ยง บริเวณใกล้พรมแดนไทยยังคงดุเดือดต่อเนื่องตั้งแต่กลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่รถยนต์บรรทุกสินค้า 2 คัน ของพ่อค้าถูกเผาทำลาย เหตุเกิดบริเวณใกล้น้ำตก“ตอหน่อ” บนเส้นทางสายเอเชีย ช่วงเมียวดี – กอกาเร็ก รัฐกะเหรี่ยง สหภาพเมียนมา โดยมีเสียงอาวุธหนักเบายิงต่อสู้กับดังสนั่นลั่นป่า
สมาชิกของสมาคมที่ทำงานช่วยเหลือกู้ภัยรายหนึ่ง กล่าวว่า รถยนต์ 6 ล้อหนึ่งคัน และ 12 ล้อหนึ่งคันเที่ยวกลับลงมาจากเมียวดี ถูกเผาบริเวณใกล้น้ำตก“ตอหน่อ” บนเส้นทางสายเอเชีย
ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่า หลังจากรถยนต์บรรทุกสินค้า 2 คันถูกเผา ได้ยินเสียงอาวุธปืนเล็กใหญ่ยิงต่อสู้กันทางฝั่งกอกาเร็ก ใกล้น้ำตก“ตอหน่อ” สถานการณ์การยิงปะทะค่อนข้างทวีความรุนแรง ขณะนี้รถยนต์ที่เคยวิ่งผ่านไปมาบนเส้นทางสายเอเชีย เวลานี้แทบจะหยุดสนิท
ขณะที่กองทัพสหภาพเมียนมาใช้อาวุธหนักยิงออกไปทางบ้านกวินกาเล และรอบ ๆ บริเวณถนนสายเอเชีย ทำให้มีรถที่ต้องการขึ้นเมียวดี ต้องจอดรอติดค้างอยู่ฝั่งก้อกาเร็กบ้างจำนวนเล็กน้อย ส่วนใหญ่ตัดสินใจเดินทางกลับต้นทาง
ด้านคณะบริหารการปกครองจังหวัดดูปลายา และกองพลน้อยที่ 6 ของฝ่ายกะเหรี่ยง KNU ได้ออกหนังสือแจ้งให้ประชาชนและพ่อค้า งดใช้เส้นทางสายเอเชีย ช่วงเมียวดี – กอกาเร็ก ในการขนส่งสินค้า และการเดินทางไปมา
ขณะที่สมรภูมิการสู้รบที่หมู่บ้านแบลโด้ เต้บอโบ ทางตอนใต้ของจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง พื้นที่กองพลน้อยที่ 6 สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ The Karen National Union -KNU ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก เป็นไปอย่างดุเดือด
จากยุทธการที่กองกำลังผสม KNLA โจมตีตัดกำลังของกองกำลังทหารเมียนมา จำนวนกว่า 300 นาย พื้นที่ทางตอนใต้บ้านวาเล่ย์ ระหว่างทางได้พยายามถอนกำลังกลับออกไปจากหมู่บ้านแบลโด้ เพื่อเดินทางกลับไปทางบ้านช่องแคบ เกิดความสูญเสียและบาดเจ็บของทั้ง 2 ฝ่ายจำนวนมาก
ขณะที่ทหารกองทัพเมียนมา ใช้อาวุธหนักคือปืนใหญ่ และ ฮ.2.ลำ บินมาช่วยยิงสนับสนุนสองเที่ยว เพื่อเปิดทางถอนกำลังกองทหารสหภาพเมียนมา ผลจากการปะทะที่เกิดขึ้น
ทำให้มีประชาชนพื้นที่รอบ ๆ หมู่บ้าน บ้านช่องแคบ บ้านแบลโด้, บ้านเต้บอโบ บ้านส่งซีแหม่ง จำนวนกว่า 2,000 คน พากันอพยพไปอาศัยอยู่แถวริมฝั่งแม่น้ำเมย และบางส่วนทะลักข้ามมาหลบภัยในฝั่งไทย