วันที่ 6 เมษายน 2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก อ.เมืองตาก จ.ตาก พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 (ผบช.ภ.6.) พร้อมด้วยนายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก พ.อ. กฤษณ์ กิตยาธิวัฒน์ เสนาธิการกองกำลังนเรศวร และคณะนายตำรวจภูธรจังหวัดตาก และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม คดีอาวุธปืนสงคราม อาก้า ในพื้นที่ สภ.ท่าสองยาง และ สภ.แม่ระมาด จังหวัดตาก
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าสองยาง ทหารพรานหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 ฝ่ายปกครองอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริษัทขนส่งพัสดุ J&T EXPRESS อำเภอท่าสองยางว่า พบกล่องพัสดุต้องสงสัย เนื่องจากมีน้ำหนักมากเกินปกติ คาดว่าน่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ภายในกล่อง
โดยหลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอท่าสองยางได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบ พบกล่องพัสดุจำนวน 2 กล่องใหญ่ ที่ห่อหุ้มอย่างมิดชิดและเป็นกล่องแบบยาวและมีน้ำหนักมากผิดสังเกต
ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผล สามารถจับกุมตัวนายซออ่องซาทุยฯ ในข้อหา "มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต"
จากนั้นจึงได้ขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านพักตามที่อยู่ปลายทาง ซึ่งมีผู้ต้องหาเป็นผู้เช่า พบกล่องพัสดุจำนวน 3 กล่อง จากการตรวจสอบพบอาวุธปืนอีกจำนวนหลายรายการ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดี
จากการขยายผลเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ทราบว่ามีการส่งพัสดุซึ่งบรรจุอาวุธปืนสงครามในลักษณะเดียวไปที่บริษัทขนส่ง J&T EXPRESS สาขาแม่ระมาดอีกด้วย จึงประสานข้อมูลให้ สภ.แม่ระมาด เข้าทำการตรวจสอบพัสดุที่บริษัทขนส่งฯ
จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 3 ราย พร้อมของกลางเป็น อาวุธปืนสงครามอาก้า 47 จำนวน 7 กระบอก จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ระมาด ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 กล่าวว่า การจับกุมคดีดังกล่าวนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้กำชับการปราบปรามการลักลอบค้าอาวุธ โดยหลังจากนี้ จะได้มีการขยายผลสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป