ยาแก้โควิดมีอะไรบ้าง เป็นคำถามที่ถูกถามถึงเป็นอย่างมาก จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (Covid-19) โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่ติดต่อกันได้ง่าย
นพ.จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์เชี่ยวชาญโรคระบบหายใจ กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Jiraruj Praise โดยมีข้อความระบุว่า
ทำไมแนวทางการรักษาโควิดของประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้จึงไม่ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาโควิดกันเลย
ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาที่คิดค้นที่ประเทศญี่ปุ่นมาเพื่อใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ ซึ่งตอนที่มีการระบาดของโควิดพบว่ายาอาจจะออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสโควิดได้ในหลอดทดลอง ในช่วงแรกที่ยังไม่มียาต้านไวรัสโควิดที่มีประสิทธิภาพ จึงได้มีการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิดในช่วงแรกๆ
อย่างไรก็ตามผลในหลอดทดลองเมื่อนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดจริงๆ กลับไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ในปีล่าสุด(2022)ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ป่วยโควิดมากมายหลายการศึกษา ซึ่งทั้งหมดที่มีการตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่ผ่านการตรวจสอบทบทวนโดยผู้เชี่ยวชาญ(Peer review) พบว่า
มีผลการศึกษาไปในทิศทางเดียวกันทุกการศึกษา คือยาฟาวิพิราเวียร์ไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโควิดเลย ทั้งกรณีที่อาการน้อย หรืออาการปานกลางถึงรุนแรง ดังตัวอย่างการศึกษาดังต่อไปนี้
จากข้อมูลที่มากมายไปในทิศทางเดียวกัน ในปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นได้ยกเลิกการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาผู้ป่วยโดยสิ้นเชิงแล้ว และยังสั่งให้ยุติการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการศึกษาวิจัยในการรักษาผู้ป่วยโควิดด้วย และในแนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิดขององค์การอนามัยโลก(WHO)
สมาคมโรคติดเชื้อแห่งสหรัฐ(IDSA) ศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐ(CDC) สมาคมเวชบำบัดวิกฤตของสหรัฐและยุโรป(SCCM และ ESICM) จึงไม่ได้แนะนำให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาผู้ป่วยโควิดเลยแม้แต่คำแนะนำเดียว
โดยส่วนใหญ่แล้วในผู้ป่วยที่มีอาการน้อย และไม่ได้มีความเสี่ยง เช่นสูงอายุหรือมีโรคประจำตัว จะไม่ได้ประโยชน์จากการใช้ยาต้านไวรัสแต่อย่างใด และถ้ามีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาต้านไวรัสจริงๆ การใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ก็แทบจะไม่มีข้อมูลจากการศึกษาวิจัยมาสนับสนุนว่าจะมีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย
ในปัจจุบันแม้ว่าเราจะมียาต้านไวรัส ที่มีผลการศึกษาว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าเป็นทางเลือกที่ชัดเจน เช่น Remdesivir, Paxlovid, Monulpiravir, Monoclonal antibody แต่อย่างไรก็ตามยาดังกล่าว จะมีประโยชน์ชัดเจนในกลุ่มที่มีอาการน้อย แต่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น ยังไม่มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นประโยชน์ที่ชัดเจน
ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือมีอาการที่รุนแรงมากๆไปแล้ว(เนื่องจากยาต้านไวรัสจะได้ผลดี ถ้าให้เร็วในช่วงต้นๆของการติดเชื้อ แต่จะไม่ได้ผล ถ้ารอไปให้ในวันหลังๆ หรือตอนรับการรักษาในไอซียู) และยาดังกล่าวยังมีราคาที่แพงมากและมีจำนวนที่ไม่เพียงพอหรือเข้าถึงได้ยากอยู่ในปัจจุบัน วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาการติดเชื้อโควิดที่มีอาการรุนแรงในทุกๆคำแนะนำก็คือการรีบเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นกัน