นางสาวลัดดา แซ่ลี้ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ได้ไปชำระเงินสมทบที่ร้านสะดวกซื้อ โดยได้มีการชำระเงินเต็มจำนวนในอัตราเดิมและผู้ประกันตนมีความกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินสมทบคืน จากที่ ครม.ได้เห็นชอบลดอัตราเงินสมทบไปแล้วนั้น
ในเรื่องนี้ ผู้ประกันตนไม่ต้องกังวล เมื่อประกาศกฎกระทรวงลดอัตราเงินสมทบออกแล้ว ผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถดำเนินการยื่นคำร้องขอรับเงินคืนในส่วนที่ชำระไว้เกินจำนวนได้ ซึ่งในเรื่องนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้เห็นชอบหลักการลดอัตราเงินสมทบประกันสังคมของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประกันตนซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์โควิด-19 ให้เหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบ ต่ออีกเป็นระยะเวลา 6 เดือน ในงวดเดือน กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 2565 ให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ในอัตราใหม่ 3 ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 1 ให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย จากเดิมจ่ายในอัตรา 70 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่ เป็น 42 บาท/เดือน
ทางเลือกที่ 2 ให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย และกรณีชราภาพ จากเดิมจ่ายในอัตรา 100 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 60 บาท/เดือน
ทางเลือกที่ 3 ให้ผู้ประกันตนซึ่งจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน ในกรณีการประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ และกรณีสงเคราะห์บุตร จากเดิมจ่าย ในอัตรา 300 บาท/เดือน จ่ายอัตราใหม่เป็น 180 บาท/เดือน
สำหรับผู้ประกันตนที่ได้ชำระเงินสมทบเต็มจำนวนในอัตราเดิม เมื่อประกาศกฎกระทรวงลดอัตราเงินสมทบออก ผู้ประกันตนมาตรา 40 สามารถยื่น คำร้องขอรับเงินคืนในส่วนที่ชำระไว้เกินจำนวนโดยโหลดแบบฟอร์ม (สปส.1-40/7) ในเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th พร้อมแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ยื่น ณ สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา หรือยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ประกันตนไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ของผู้ประกันตน จึงขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจในการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคม ที่พร้อมดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความสำคัญ ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของผู้ประกันตน ให้ตรงจุดและทันท่วงที เนื่องจากปัญหาเรื่องความเป็นอยู่ ปากท้องของพี่น้องผู้ใช้แรงงานมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม