การรักษาโควิดที่บ้าน (home isolation) เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการรักษาการติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19)
ทั้งนี้ เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ที่ติดเชื้อง่าย ทำให้การแพร่ระบาดกระจายไปอย่างรวดเร็ว
ล่าสุดประเทศไทยได้มีแนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นแบบผู้ป่วยนอก (Outpatient with Self Isolation : OPSI) หรือ เจอ แจก จบ ตั้งแต่ 1 มี.ค. 2565 เป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับผู้ติดเชื้อ
สำหรับแนวทางดังกล่าวนี้่ เป็นมาตรการรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิดด้วยชุดตรวจ ATK หากผลเป็นบวก จะให้การรักษารูปแบบ ผู้ป่วยนอก หรือจะกล่าวก็คือไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่ให้ดูแลรักษาตัวที่บ้านหรือชุมชน (HI/CI) ซึ่งจะมีการให้ความรู้ในการดูแลแยกกักตัวเอง
และแจกเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกลับกรณีมีอาการมากขึ้น หรือมีข้อสงสัยที่ต้องการสอบถามกระบวนการเหล่านี้ ถือว่าได้เข้าสู่ระบบบริการสุขภาพเรียบร้อย โดยจะได้รับการดูแลติดตามประเมินอาการภายใน 48 ชั่วโมง
โดยแพทย์จะจ่ายยา 3 สูตร ได้แก่
อย่างไรก็ตาม การให้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจแพทย์ที่พิจารณาว่าจะให้ยาแบบใด ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกับคนไข้
สำหรับกรณีผู้มีความเสี่ยงสูง ผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว สามารถใช้ระบบการดูแลดังกล่าวได้เช่นกัน แต่ต้องอยู่ที่การพิจารณาของแพทย์เป็นหลัก
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ประเทศไทยมี แนวคิดของ Home Isolation อยู่แล้ว เนื่องจากเตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ ประกอบกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล หรืออยู่โรงพยาบาลในระยะเวลาสั้น ๆ และไปพักฟื้นต่อที่บ้านหรือสถานที่ที่รัฐจัดให้
Home Isolation หรือการแยกกักตัวที่บ้านสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในเกณฑ์ดังนี้
ผู้ที่เข้าเกณฑ์ในการทำ Home Isolation
การปฎิบัติตัวของผู้ป่วยโควิด-19 เมื่อทำ Home Isolation
สิ่งที่ผู้ป่วยโควิด-19 จะได้รับการสนับสนุนเมื่อต้องทำ Home Isolation
อุปกรณ์ประเมินอาการ ได้แก่ ปรอทวัดไข้ และเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดแบบหนีบนิ้ว เพื่อประเมินการแลกเปลี่ยนก๊าซในปอดว่าปกติดีหรือไม่ ค่าปกติจะอยู่ที่ประมาณ 97-100% ถ้าตัวเลขอยู่ที่ 94% หรือต่ำกว่านั้น คืออยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีแนวโน้มที่เชื้อโควิด-19 จะลงปอด
การประเมินอาการผ่านระบบเทเลเมด หรือ การนําเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากร ทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-timeโดยแพทย์และพยาบาลทุกวัน
การให้ยารับประทาน ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
อาหารสามมื้อ
การติดตามประเมินอาการ และให้คำปรึกษา
หากมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือแย่ลงให้แจ้งทีมแพทย์ และรีบนำส่งโรงพยาบาล
สิ่งสำคัญ คือ ต้องสังเกตอาการของตัวเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากอาการแย่ลง เช่น หอบ เหนื่อย ไข้สูง ไม่สามารถดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบติดต่อ รพ.ที่รักษาอยู่
ทางรพ.จะมีรถไปรับเพื่อนำส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ. หรือหากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องเดินทางมา รพ.ด้วยตัวเอง แนะนำให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้รถสาธารณะ
และต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หากมีผู้ร่วมยานพาหนะไปด้วยให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อเพิ่มการระบายอากาศ และเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เดินทางไปด้วย
ที่มา : โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์แนชั่นแนล หนองแขม