5 วิธีจบสงครามโควิดโอมิครอนมีอะไรบ้าง ไทยเลือกแบบไหนได้บ้าง อ่านเลยที่นี่

21 เม.ย. 2565 | 06:22 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2565 | 13:22 น.

5 วิธีจบสงครามโควิดโอมิครอนมีอะไรบ้าง ไทยเลือกแบบไหนได้บ้าง อ่านเลยที่นี่ อ.นิด้า วิเคราะห์แนวทางจากบทเรียนของต่างประเทศ พร้อมชี้ไทยกำลังเดินไปทางไหน

นายสันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว (Sunt Srianthumrong) โดยมีข้อความว่า

 

Covid-19 (โควิด-19) : ข่าวดีจากต่างประเทศ Endemic ดีๆหรือร้ายๆที่เราเลือกได้ วิธีจบสงคราม 5 แบบ ที่ต้องช่วยกันเลือก เลือกแล้วก็ต้องช่วยกันทำ

 

การระบาดของ Omicron (โอมิครอน) ในหลายประเทศได้เข้ามาสู่จุดสมดุลแล้ว ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรายวัน %วัคซีนก็ดูจะเริ่มไม่ขยับสักเท่าไหร่ 

 

เราก็ได้เห็นการผ่อนคลายและเปิดประเทศหลายที่ ตัวเลขออกมาแล้วว่าต้นทุนสุขภาพเป็นอย่างไรกันบ้างในแต่ละ Endemic 

 

เรามาดูกันทีละแบบ แล้วดูกันครับว่ารักชอบแบบไหน

 

แบบที่ 1: จบแบบไนจีเรีย วิถีวัยรุ่น อายุเฉลี่ย 18 ปี ฉีดเข็ม 1 ไปได้แค่ 11% ประชากร 215 ล้านคน Case ยืนยัน 255,670 ตาย 3,143 ตายจริงๆน่าจะมากกว่านี้หลายเท่าแต่ก็ถือว่าไม่มากนัก ว่ากันว่าติดทั้งประเทศจนเกิด Herd Immunity แล้ว ทุกวันนี้ตรวจเจอเคสวันละหลักสิบหลักร้อยตายหลักหน่วย ถ้าเราอายุ 18 แล้วไม่ฉีดวัคซีน โอกาสตายเมื่อติดเชื้อ Omicron อยู่ที่ราวๆ 0.03% เท่านั้น นี่คือสาเหตุว่าทำไม ประเทศในแอฟริกาส่วนมากผ่าน Omicron มาได้อย่างไม่สะเทือนเลย

แบบที่ 2: จบแบบอินเดีย วิถีคนหนุ่มสาวกร้านชีวิต อายุเฉลี่ย 28 ปี ฉีด 1 เข็มไปได้ 72% Booster แค่ 1% ติดเชื้อเป็นทางการ 43 ล้าน แต่ของจริงน่าจะข้ามพันล้าน ตายเป็นทางการ 5 แสน แต่ของจริงน่าจะราวๆ 5 ล้าน เจ็บหนักตายเยอะ แต่เอาตัวรอดได้โดยไม่ต้องฉีด Booster น่าจะเพราะติดเชื้อมากจนเกิด Herd Immunity ไปแล้ว ทุกวันนี้ติดเชื้อต่อวันหลักพัน ตายหลักสิบ ถึงจะต้องคูณ 10 เพราะตรวจน้อยก็ถือว่าจบและควบคุมได้หมดแล้ว

 

แบบที่ 3: จบแบบอังกฤษ ไสตล์วัยกลางคน อายุเฉลี่ย 40 ปี  ฉีด 1 เข็มไปได้ 79% Booster 58% ติดเชื้อเป็นทางการ 30% ประชากร 68 ล้าน ตายไปแล้ว 1.7 แสน เจ็บหนักมาก เกิด Herd Immunity แบบไม่ค่อยสมบูรณ์  ทุกวันนี้ติดเชื้อทางการหลักหมื่น แต่ของจริงน่าจะวันละ 2 แสน ตายเฉลี่ยวันละกว่า 200 จบแบบเจ็บๆไปเรื่อย ไม่แน่ใจว่าจะมีใครอยาก Endemic แบบนี้ไหมนะครับ อัตราการตาย 0.1% ไม่ได้แย่ แต่เพราะถอดหน้ากากกันหมดเลยติดเชื้อวันละมากมายจริงๆ ยุโรปประเทศอื่นๆที่หลายคนชื่นชมก็ประมาณนี้แหละครับ ดูตัวเลขดีๆแล้วจะหนาว

 

5 วิธีจบสงครามโควิด19

 

แบบที่ 4: จบหล่อๆแบบสิงคโปร์ ลุงป้ารักสุขภาพ อายุเฉลี่ย 42 ปี ฉีด 1 เข็มไปได้ 88% Booster 69% ติดเชื้อเป็นทางการ 20% ประชากร 5.9 ล้าน ตายไปแค่ 1,316 คน ทุกวันนี้ติดเชื้อเฉลี่ยวันละ 3-4 พันคน ตายวันละ 2 คน และยังลดลงเรื่อยๆ เกิด Herd Immunity ด้วยวัคซีนแล้ว อัตราการเสียชีวิตจาก OMC แค่ 0.05% นี่คือน้อยที่สุดในโลกครับ ยืนยันความสำเร็จของวัคซีนที่ใช้และมาตรการต่างๆที่มีความสมดุลมาก 

แบบที่ 5: จบแบบยังไม่จบ แบบจีน อายุเฉลี่ย 42 ปี ลงสู่ Zero Covid จีนจะทำแบบนี้แน่นอนไปอีก 1-2 ปี เพราะถ้าไม่ทำแล้วไปจบแบบอังกฤษ จะกลายเป็น Endemic ที่ติดเชื้อวันละ 2 ล้าน ตายวันละ 4,000 คน แบบนั้นก็เรียกว่าไม่จบอยู่ดี รัฐบาลจีนรับไม่ได้แน่นอน และตอนนี้วัคซีนที่มีอยู่ก็ยังไม่ดีพอที่จะจบแบบสิงคโปร์ ที่ฮ่องกงวัคซีนคล้ายๆจีนอัตราการตายสูงมากถึง 0.75% ซึ่งไปไม่ไหวแน่นอนครับ ระหว่างนี้ก็เปิดๆปิดๆไปเรื่อยๆ ดีกว่าให้คนตายเป็นสิบล้าน 

 

ประเทศไทยกำลังเดินไปทางไหน:

 

  • เราอายุมาก เฉลี่ย 40 ปี วัคซีน 1 เข็ม 80% Booster 35%
  • ยังไม่รู้ผลของสงกรานต์ ต้องรอประมาณสัปดาห์หน้า แนวโน้มคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่น่าจะแย่นัก 
  • ไม่ใช่ไนจีเรียแน่ๆเพราะไม่ได้หนุ่มขนาดนั้น
  • ไม่ใช่สิงคโปร์แน่ๆ เพราะคนไม่ค่อยจะออกไปฉีดวัคซีนกันแล้ว แต่ยังอยากหวังให้เป็นแบบนี้
  • กลัวว่าจะเป็นแบบอังกฤษ เพราะอายุเฉลี่ยก็เท่าๆกัน ระดับวัคซีนก็เดี๋ยวก็พอๆกัน แต่เผลอๆก็อาจจะไปทางอินเดียเอาได้ง่ายๆเพราะตรวจน้อยลงมากแล้ว คนติดเชื้อไม่รู้ตัวตอนนี้ก็เพ่นพ่านไปทั่วทุกปริมณฑล 

 

ที่ตอนจบ เราอยาก Endemic จบสงครามแบบไหนพวกเราเลือกได้ มีเวลา 3-4 เดือน จะอังกฤษหรือสิงคโปร์ จบแบบผู้แพ้หรือผู้ชนะ จะตายวันละ 200 คนติดเชื้อวันละแสนแล้วบอกจบ หรือตายละวัน 20 คนติดเชื้อหลักหมื่นต้นๆแล้วจบแบบจบจริงๆ อยู่ที่พวกเราเลย 

 

ถ้าช่วยกันออกไปฉีดวัคซีนให้ได้แบบสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลียด้วยที่ทำได้ และรักษาอนามัยเรื่องใส่แมสก์ล้างมือให้เป็นนิสัย มันจบจริงๆนะ และดีมากๆด้วยทั้งสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ตั้งเป้ากันนะ เข็ม 1 ให้ได้ 90% Booster 70% ครับ ช่วยกัน โค้งสุดท้ายแล้ว