วัคซีนต้านโควิด19 มีการพัฒนามาอย่างต่อเยนื่อง ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 (Covid-19) สายพันธุ์ดั้งเดิมจนมาถึงปัจจุบัน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อสู่กับการกลายพันธุ์ของโควิดได้
น.พ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ (หมอเฉลิมชัย) รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา โพสต์ blockdit ส่วนตัว "ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย" โดยมีข้อความว่า
ข่าวล่าสุด วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ของ Moderna ได้ผลดีกว่าวัคซีนเดิม 2.2 เท่าตัว
หลังจากที่บริษัทต่างๆ ได้วิจัยพัฒนาจนสามารถจดทะเบียนการฉีดวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน(EUA) ได้เป็นจำนวนมาก และมีการฉีดวัคซีนไปแล้วนับหมื่นล้านโดส
แต่เนื่องจากไวรัสโคโรนาที่ก่อโรคโควิด เป็นไวรัสสารพันธุกรรมเดี่ยว ซึ่งมีการกลายพันธุ์ได้ง่ายและบ่อยเป็นธรรมชาติ
ขณะนี้มีการกลายพันธุ์ไปแล้วมากกว่า 1000 สายพันธุ์ แม้จะมีเพียงไม่ถึง 10 สายพันธุ์ ที่มีลักษณะกระทบต่อการติดเชื้อและก่อความรุนแรง แต่ก็มีผลกระทบต่อประสิทธิผลของวัคซีนด้วย
ดังนั้นนโยบายของบริษัทวัคซีนต่างๆที่ผลิตวัคซีนรุ่นที่หนึ่ง โดยใช้สารพันธุกรรมของไวรัสดั้งเดิมหรือไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่น จึงมีการวิจัยพัฒนาต่อเนื่องกันมาโดยตลอด
โดยการพัฒนาวัคซีนแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
รายงานล่าสุดของ Moderna ซึ่งได้ทำวิจัยเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง วัคซีน 2 สายพันธุ์โดยใช้สารพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์อู่ฮั่นรวมกับสายพันธุ์เบต้านั้น
จากการทดลองในอาสาสมัคร 895 ราย โดย 300 ราย ฉีด 50 ไมโครกรัม และ 595 ราย ฉีดแบบ 100 ไมโครกรัม
พบว่าระดับภูมิคุ้มกันขึ้นสูงพอๆกันและมีผลข้างเคียงใกล้เคียงกัน
โดยเมื่อเปรียบเทียบระดับภูมิคุ้มกันต่อไวรัส Omicron (โอมิครอน) ของวัคซีนใหม่ (mRNA 1273.211) เทียบกับวัคซีนเดิม (mRNA 1273)
พบว่าวัคซีนใหม่มีประสิทธิผลภูมิคุ้มกัน (NAb) ต่อไวรัส Omicron สูงกว่าวัคซีนเดิม 2.20 เท่า ที่หนึ่งเดือนหลังฉีด และ 2.15 เท่า ที่หกเดือนหลังฉีด
สิ่งที่น่าสนใจคือ วัคซีนสองสายพันธุ์ดังกล่าวซึ่งใช้สารพันธุกรรมของอู่ฮั่นกับเบต้า แต่สามารถรับมือกับไวรัสเดลตาและโอมิครอนได้ด้วย
โดยพบข้อเท็จจริงว่า วัคซีนใหม่ดังกล่าวซึ่งรวมสารพันธุกรรมของไวรัสเบต้า 9 ตำแหน่งที่กลายพันธุ์นั้น จะมี 4 ตำแหน่งที่ตรงกับของไวรัส Omicron
ในขณะเดียวกัน ทางผู้บริหารระดับสูงได้ให้ข่าวเพิ่มเติมว่า ทางบริษัทกำลังทดลองวัคซีนสองสายพันธุ์อีกชนิดหนึ่ง (mRNA 1273.214) ซึ่งเป็นการรวมสารพันธุกรรมของไวรัสอู่ฮั่นดั้งเดิมกับโอมิครอนเข้าด้วยกัน
คาดว่าวัคซีนใหม่ล่าสุดจะมีข้อมูลออกมาในกลางปีนี้ และน่าจะทำให้มีประสิทธิผลสูงขึ้นไปอีก เพราะวัคซีนใหม่นี้ จะครอบคลุมตำแหน่งการกลายพันธุ์มากถึง 32 ตำแหน่งในส่วนหนามหรือ S-protein ของ Omicron
นับเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และยืดเยื้อ ระหว่างความรู้ของมนุษย์ กับการเปลี่ยนแปลงของไวรัส ที่เกิดต่อเนื่องกันมานานกว่า 2 ปีแล้ว
คงต้องเอาใจช่วย และติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด